“อนุทิน” ลงพื้นที่ “วัดโรงช้าง” สั่ง “ดูแล” บุตร-ธิดา เหยื่อพลุระเบิด 

“อนุทิน” ลงพื้นที่ “วัดโรงช้าง” สั่ง “ดูแล” บุตร-ธิดา เหยื่อพลุระเบิด สั่งผู้ว่าฯสุพรรณบุรีดูแลเรื่องการศึกษา ไม่ให้หลุดจากระบบเด็ดขาด

  • หลายคน ต้องอยู่กับปู่ย่า ตายาย
  • มีปัญหาเรื่องรายได้ ก็ต้องช่วยเป็นกรณีพิเศษ

วันนี้ (18 มกราคม 2567 )ที่ วัดโรงช้าง ต.ศาลาขาว อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นศูนย์ประสานงานช่วยเหลือจากเหตุการณ์โรงงานพลุระเบิด  เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 23 ศพ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางลงพื้นที่ พร้อมหารือกับส่วนราชการ ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง พร้อมสั่งการให้เร่งช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต โดยเฉพาะบุตรหลาน 

โดยนายอนุทิน กล่าวว่า ที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ คือ น้องๆ ที่สูญเสียพ่อแม่ หรือเสาหลักของครอบครัว โดยได้สั่งการท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรีไปแล้วว่า ให้ดูแลเรื่องการศึกษา ไม่ให้หลุดจากระบบเด็ดขาด หลายคน ต้องอยู่กับปู่ย่า ตายาย มีปัญหาเรื่องรายได้ ก็ต้องช่วยเป็นกรณีพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ หรือเอกชน ต้องดูแลกัน เท่าที่มีรายงาน มีอยู่ไม่เกิน 5 คน ก็ต้องช่วยกันคนละไม้ คนละมือ 

“ใครผิด ใครถูก ก็ว่ากันไปตามหลักฐาน  ตอนนี้ มุ่งเน้นเรื่องการช่วยเหลือผู้สูญเสียก่อน  ที่นี่ไม่ได้เป็นรูปแบบของโรงงาน หรือบริษัท มันต้องหาทางเยียวยาญาติผู้เคราะห์ร้ายเหล่านี้  ที่มีรายงานคือ เป็นการจ้างแบบวันต่อวัน สวัสดิการต่างๆ มันมีไม่มากนัก  อย่างที่มา ผมมาเน้นเรื่องการช่วยเหลือดูแล กระทรวงมหาดไทย ช่วยอะไรได้บ้าง ตำรวจช่วยอะไรได้บ้าง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ท่านช่วยเยอะ เพราะ รัฐมนตรี ก็อย่างที่ทราบกัน ว่าเป็นท่านวราวุธ ศิลปะอาชา เท่าที่ทราบคือ ผู้เคราะห์ร้าย บางคนมีกรมธรรม์ ก็ต้องเร่งจ่ายสินไหมทดแทนให้กับญาติโดยเร็ว ที่สุด” 

นายอนุทิน กล่าวต่ออีกว่า มีกองทุนของกระทรวงยุติธรรม ให้การดูแลตามควรแก่เหตุ เชื่อว่า ทางท่านรัฐมนตรี ต้องเข้ามาเร่งรัดจัดการแน่นอน  ทุกคนหาทางช่วยเหลืออย่างเต็มที่ แล้วก็ต้องประสาน เพื่อให้คืนร่างกับญาติ ไปทำพิธีทางศาสนา มันไม่เหมือนบางกรณี ที่ต้องพิสูจน์อัตลักษณ์ อาศัยเวลา อันนี้ เราไม่ต้องไปหาฆาตกรแล้ว ถ้ารู้อัตลักษณ์แล้ว ก็คืนร่างแก่ญาติ ไม่ควรต้องปล่อยให้รอนาน เขาก็เจ็บช้ำมามากพอแล้ว อะไรที่ช่วยกันได้ต้องช่วยกัน  

“เรื่องนี้ ถ้ามาถามว่า จะแก้ไขอย่างไร ต้องขอเวลาดูสาเหตุให้แน่ชัดเสียก่อน จะได้แก้ได้ตรงจุด อย่างจะให้มาเข้มเรื่องออกใบอนุญาต แต่ถ้ามันเกิดเพราะการละเมิดละเลยกฎหมาย มาสั่งเข้มในเรื่องนั้น มันก็ไม่ช่วย ปัจจุบัน การออกใบอนุญาต ออกกันปีต่อปี และต้องร่วมกันพิจารณาหลายหน่วยงาน แน่นอนว่า เรื่องสาเหตุ ต้นเหตุ ผมไม่พูดไปก่อน แต่ถ้าเรื่องช่วยเหลือผู้สูญเสีย ผมทำเต็มที่”