“อนุทิน”ย้ำจุดยืน ภูมิใจไทยปั้นกัญชา กัญชง เป็นพืชเศรษฐกิจภาคประชาชน

  • ฝันไปไกลเล็งเจาะตลาดยุโรป
  • เผยชงกฎหมายปลดล็อกกัญชง ถึง ครม.แล้ว
  • รอความเห็นชอบ ก่อนบังคับใช้

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โพสต์เฟซบุ๊ค “อนุทิน ชาญวีรกูล” เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นใจการผลักดันกัญชาและกัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจของไทย

พร้อมแนบเอกสารของสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป ซึ่งระบุถึงความนิยมกัญชา ในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป ที่คาดว่าจะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนภายในสหภาพยุโรปถึง 1.23 แสนล้านยูโร ในปี 2571 และเป็นการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ประมาณ 5.8 หมื่นล้านยูโร โดยในอนุทิน โพสต์ข้อความ ว่า

“กัญชา กัญชง พืชเศรษฐกิจตัวใหม่
กับแนวโน้มตลาดในยุโรป
……
อ่านให้จบ ดูเอกสารให้ครบ
ขอร้อง

ยุโรปมีแนวโน้มเป็นตลาดกัญชาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายใน 5 ปี หรือมีขนาดใหญ่กว่าตลาดสหรัฐอเมริกาและแคนาดารวมกัน โดยมูลค่าการจำหน่ายกัญชาทั่วยุโรป (50 ประเทศ) อาจสูงถึง 123,000 ล้านยูโร ในปี 2571 ส่งผลมาจากเหตุผลทางเศรษฐกิจ และสังคมต่างๆ เพื่อเพิ่มการจ้างงาน เพิ่มรายได้จากการจัดเก็บภาษี ลดปัญหาอาชญากรรม และประโยชน์ทางการแพทย์ เป็นต้น โดยปัจจุบัน การพัฒนาอุตสาหกรรมกัญชาในยุโรป มีการใช้เงินทุนมากถึง 500 ล้านยูโร”

นโยบายที่พรรคภูมิใจไทย พูดไว้ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมา ไม่ใช่เรื่องตลก แต่เป็นนโยบายที่เราศึกษา และนำมาเสนอให้มีการเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนมุมมองต่อกัญชา จากพืชเสพติด ให้เป็นพืชเศรษฐกิจ

เมื่อเราได้เป็นรัฐบาล ตั้งใจมาทำงานที่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อจะได้ทำงานร่วมกับคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด อย่างใกล้ชิด เพื่อให้มีความเข้าใจแนวคิด และแนวนโยบาย เรื่องกัญชา มากขึ้น ดีขึ้น

เมื่อได้เป็นรัฐบาล ได้ผลักดันให้รัฐบาลบรรจุนโยบายการพัฒนากัญชา กัญชงในเชิงเศรษฐกิจ ไว้ในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ข้อที่ 4 การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรและพัฒนานวัตกรรม มีสาระสำคัญตอนหนึ่ง ว่า

ต่อยอดภูมิปัญญาและความรู้ของปราชญ์ชาวบ้านในการสร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป
รวมทั้งเร่งศึกษาวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการใช้กัญชา กัญชง และพืชสมุนไพรในทางการแพทย์ อุตสาหกรรมทางการแพทย์ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ

เพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและการสร้างรายได้ของประชาชน โดยกำหนดกลไกการดำเนินงานที่รัดกุม เพื่อมิให้เกิดผลกระทบทางสังคม ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้อย่างเคร่งครัด

ผมมีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแนวคิดของคนไทย สังคมไทย ให้เห็นกัญชา และ กัญชง เป็นพืชเศรษฐกิจ เพิ่มเติมอีกมิติหนึ่ง เพื่อเป็นโอกาสที่จะสร้างรายได้ให้แก่คนไทย

เป็นสินค้าเกษตรตัวใหม่ที่เราจะผลิตเพื่อส่งออก ไปยังตลาดที่เราได้เห็นจากรายงานของสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป ฉบับนี้

แน่นอน ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากมีกฎหมายมากมายหลายฉบับ ที่ต้องแก้ไข และมีทัศนะเดิม ที่ยังไม่ยอมรับ

แน่นอน มีคนไม่พอใจ ทั้งคนที่มีทัศนะเดิม และคนที่มีทัศนะใหม่ แต่เห็นว่าผมทำงานไม่ได้ดังใจ ทำงานช้า
ล่าช้า จนกลายเป็นความไม่จริงใจ ในสายตาของเขา

ผมขอยืนยันว่า ผมยังคงมีความมุ่งมั่น มีความตั้งใจที่จะเดินไปให้ถึงเป้าหมาย ไม่ว่าใครจะมองด้วยความไม่เข้าใจ ใครจะด่าอย่างไรก็ตาม ผมก็จะพยายามทำงานของผมต่อไป โดยมีเป้าหมายเดิม คือ เกษตรกรต้องได้ประโยชน์ ประชาชนต้องได้ประโยชน์

แทนที่จะเอาพลังมาด่าผม ตำหนิผม เอาพลังมาช่วยกันทำงานดีกว่า

เรื่องกัญชาทางการแพทย์ และ กัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจ เป็นเรื่องจริงจังในระดับนโยบายรัฐบาล และกำลังขับเคลื่อนในระดับกระทรวงสาธารณสุข

ร่างกฎกระทรวงกัญชง ผ่านกระบวนการประชาพิจารณ์แล้ว เตรียมการเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี หากได้รับความเห็นชอบ ก็ประกาศใช้ได้ทันที การปลูกกัญชง เพื่อสกัดสารสำคัญ คือ CBD ส่งออก

ประเทศไทย จะเป็นผู้นำในภูมิภาคนี้ ซึ่งมีตลาดยุโรป รอรับ ซึ่งจากรายงานฉบับนี้ คาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึงถึง 1,500 ล้านยูโร หรือ ประมาณ 49,500 ล้านบาท ในปี 2565

ร่างกฎกระทรวงกัญชา อยู่ระหว่างการยกร่าง เพื่อเข้าสู่กระบวนการประชาพิจารณ์ ต่อไป

ไม่เร็วทันใจหลายคน แต่ไม่ได้หยุดนิ่ง ยังทำงานกันทุกวัน

แต่จะเร็วยิ่งขึ้นถ้าประชาชนช่วยกันสนับสนุน

โพสต์นี้ อัดแน่นทั้งสาระและความจริงใจ”