“อนุทิน”ชงยกเลิก“Visa On Arrival” สยบข่าว นทท.จีนทะลักหลักล้านยันตัวเลข แค่หลักหมื่น

  • ขออย่าปั่นเฟคนิวส์โคโรนา กราบเท้าก็ยอม
  • พร้อมร่วมบินรับคนไทยในอู่ฮั่น

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเตรียมพร้อมรับคนไทยในเมืองอู่ฮั่นกลับประเทศ ภายหลังจีนอนุญาตให้ส่งเครื่องบินเข้าไปรับคนไทยได้ ว่า รัฐบาลเตรียมความพร้อมไว้หมดแล้ว ทั้งเครื่องบิน บุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล รวมถึงเวชภัณฑ์ที่จะไปดูแลตามขั้นตอนการขนส่งผู้โดยสารจากเมืองที่มีสถานการณ์โรคระบาด ขณะนี้รอเพียงการประสานจากทางจีน ซึ่งทุกคนไม่เสียค่าโดยสาร เพราะเป็นการดูแลคนของเรา โดยจะมีขั้นตอนการตรวจเช็คการขึ้นเครื่อง แม้ขณะนี้จะไม่มีรายงานว่าคนไทยที่อยู่เมืองอู่ฮั่นมีอาการของโรคหรือเจ็บป่วยใดๆก็ตาม ทั้งนี้ เมืองอู่ฮั่นขณะนี้ถูกปิดเมือง การสัญจรไม่มีไฟล์ทเครื่องบินเข้า-ออก เราจึงต้องใช้ไฟล์ทพิเศษ ซึ่งจะต้องมีขั้นตอนการขออนุญาตเส้นทางการบิน ปัจจุบันยังไม่ได้รับการยืนยันวันที่จะเข้าไปรับคนไทยที่ชัดเจน ซึ่งตนไม่รู้ว่ากระแสข่าวว่าจะไปรับคนไทยวันที่ 4 กุมภาพันธ์มาจากไหน แต่ยืนยันว่าจะเดินทางไปรับคนไทยให้เร็วที่สุด โดยฝั่งไทยพร้อมแล้ว รอการไฟเขียวจากจีนเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีกระแสข่าวคนขับแท็กซี่ติดเชื้อไวรัสโคโรนาจากนักท่องเที่ยวชาวจีนและขณะนี้เข้ารับการรักษาให้ห้องแยกโรคเรียบร้อยแล้วนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ในเรื่องรายละเอียด ขอให้การข่าวมาจากศูนย์ข่าวเดียวกัน เพราะคนนั้นให้ข่าวทีคนนู้นให้ข่าว ก็เริ่มมีการผิดเพี้ยนบ้าง จริงบ้าง จะทำให้ผู้คนตื่นตระหนก ทั้งนี้ ตนจะเรียกประชุมคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ ที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ตนเป็นประธานอำนวยการ ในเวลา 13.00 น. ของวันที่ 31 มกราคม ที่ห้องประชุมชัยนาทนเรนทร ชั้น 2 สำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมจะเสนอมาตรการต่างๆ รวมไปถึงการเสนอให้ยกเลิกการออกวีซ่าให้คนจีน ที่ขอรับการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบินในประเทศไทย หรือ วีซ่าออนอาร์ไรวัล (Visa on Arrival) เพราะจากสถานการณ์จะให้ดีที่สุด ต้องทำให้คนจีนเข้ามาประเทศไทยให้น้อยที่สุด เพื่อให้เกิดความสบายใจของคนไทย แต่เราก็ไม่สามารถที่จะไปยกเลิกวีซ่าที่ออกโดยสถานทูตจีนได้ อาจจะต้องกำหนดมาตรการ เช่น มีใบรับรองแพทย์มาแสดง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ความสบายใจของพี่น้องคนไทย ความปลอดภัยในด้านสุขภาพของคนไทย ต้องมาเหนือสิ่งอื่นใด ขอให้ความมั่นใจ ไม่มีทางเห็นคนอื่นดีกว่า

นายอนุทิน กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ทางจีนได้พยายามขอร้องให้นักท่องเที่ยวของเขาเลื่อนหรือยกเลิกเที่ยวบินมาเมืองไทย โดยเฉพาะเมืองอู่ฮั่น ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาไทยมากที่สุด แต่ไม่ถึง 2 ล้านคนอย่างที่เป็นข่าว เป็นเพียงหลักหมื่นเท่านั้น รวมถึงตอนนี้ก็ไม่มีทัวร์มาแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา ตนได้ไปตรวจที่สนามบินเชียงใหม่ พบว่าไฟล์ทบินปกติก่อนมีสถานการณ์มีคนจีนเข้ามา 200 คนต่อไฟล์ท และตอนนี้เหลือเพียงเที่ยวบินละ 20 คน หรือนักท่องเที่ยวจีนหายไปมากกว่า 80% ดังนั้น ภาพรวมนักท่องเที่ยวลดลงเช่นเดียวกับที่สนามบินสุวรรณภูมิที่มีการแยกหลุมจอดทุกไฟลท์การบินจีนที่ต้องเข้าจอดหลุมจอดพิเศษ ซึ่งขั้นตอนการควบคุมโรคนั้น เราเข้มเต็มที่ ขณะที่ทางตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ก็มาช่วยคัดกรองให้อีกด่าน เรื่องของควบคุมสถานการณ์ไม่กลัว กลัวแต่ไวไฟ

เมื่อถามอีกว่าเรื่องของเฟคนิวส์ ทางสธ.จะเอาผิดผู้ปล่อยข่าวอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า “ไม่ใช่เวลาที่จะมาเอาผิดเอาถูก แต่ต้องชี้แจงให้มากที่สุด อยากจะให้ไปกราบเท้าทุกคนก็ได้ที่เล่นเฟคนิวส์ อย่าทำเลย เอาไว้สถานการณ์ปกติ จะเล่น จะว่า จะแซวกัน ก็ค่อยให้ถึงเวลานั้น แต่ตอนนี้ขอให้เป็นเวลาทุกคนต้องร่วมกันให้เกิดความสงบ ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนชาวไทยให้ได้มากที่สุด”

เมื่อถามว่าแนวโน้มที่คนไทยจะติดเชื้อไวรัสโคโรนา โดยที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอู่ฮั่นจะมีแนวโน้มความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน นายอนุทิน กล่าวว่า ในเวลานี้ยังมีแนวโน้มที่ว่าเมื่อซักประวัติผุ้ป่วยจะมีความเชื่อมโยงกับอู่ฮั่นทั้งสิ้น ประเภทพวกไปลอนดอน กลับมาแล้วบอกว่าติดไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ยังไม่ไม่มี อย่างไรก็ตามวานนี้มีโอกาสได้พูดคุยกับผู้กับผู้ร่วมงานรางวัลเจ้าฟ้ามหิดลซึ่งมีผู้เชื่อยวชาญทางการแพทย์จากต่างประเทศมาร่วมงานจำนวนมาก ต่างยืนยันว่าผู้ป่วยต้องมีการสัมผัสกับคนที่มาจากอู่ฮั่น และเราก็ได้รับการชื่นชมว่าวิธีการบริหารจัดการไทยทำได้ดีในระดับแนวหน้า ยิ่งตรวจยิ่งเจอเพราะความเข้มข้นเมื่อเจอก็เร่งทำการรักษาและตรวจสอบญาติให้หมด ซึ่งทุกคนเกี่ยวข้องกับอู่ฮั่นทั้งสิ้น

“การระบาดของโรคนี้สภาพอากาศร้อนทำให้โรคไปต่อยาก หากไวรัสมีอาการรุนแรงมากคนติดเชื้อไปไหนไม่ได้ ต้องควบคุมพื้นที่ การระบาดก็จะน้อยลง สุดท้ายเมื่อภูมิต้านทางเกิดขึ้นมาก็กลายประจำถิ่นและจะกลายเป็นหวัดธรรมดาในที่สุด”