ส่อเค้าวุ่น พ.ร.บ.งบประมาณปี63

นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบางรายมีการเสียบบัตรทิ้งไว้ จนทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2563 ว่า ในเรื่องของตัวกฎหมาย เราไม่สามารถไปวินิจฉัยเองได้ เพราะว่ากฎหมายรัฐธรรมนูญและข้อบังคับ กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้วินิจฉัย แต่เรื่องการสอบสวนสมาชิกฯ เป็นเรื่องภายในของสภาว่า’พฤติกรรมที่เกิดขึ้น เป็นการกระทำของผู้ใด ซึ่งที่ผ่านมาเคยมีกรณีของนายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ที่อ้างว่าเสียบบัตรทิ้งไว้ในช่วงการลงมติเกี่ยวกับญัตติการตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณาศึกษาผลกระทบจากการใช้มาตรา 44

ทั้งนี้ ตนได้ให้มีการตรวจสอบโดยมีการเอากล้องวงจรปิดมาดูและทางเลขาธิการฯ ก็รายงานว่า ไม่สามารถจะรู้ได้ว่า ใครไปเสียบบัตรแทน ซึ่งถือว่า เป็นปัญหาที่ติดอยู่ เพราะโดยทั่วไปแล้ว บัตรที่เสียบไว้ ต้องไม่มีใครไปกดแทน  ส่วนกรณีการเสียบบัตรแทนกันแล้วทำให้ร่างกฎหมายตกไปนั้น เคยมีตัวอย่างคำพิพากษาเมื่อปี 2557 แต่ต้องดูว่ากรณีนี้เหมือนกันหรือไม่ ซึ่งในคราวนั้น มีข้อกล่าวหาอยู่หลายข้อ โดยหนึ่งในข้อกล่าวหานั้น มีประเด็นของตนคือ การที่ตนไม่สามารถอภิปรายได้ เนื่องจากประธานในขณะนั้นเห็นว่า ตนแปรญัตติเกินเวลา ซึ่งเมื่อศาลตัดสินแล้ว ปรากฏว่า ตนไม่ได้แปรญัตติเกินเวลาแต่อย่างใด

นายชวนกล่าวต่อว่า หากร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2563 นำไปสู่การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้น ก็จำเป็นที่จะต้องชะลอการทูลเกล้าฯ เพราะว่า กฎหมายที่จะนำไปสู่รัฐบาล และรัฐบาลจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ไปนั้น จะต้องไม่มีข้อเคลือบแคลงสงสัย ไม่เช่นนั้น จะมีปัญหาตามมา เพราะฉะนั้น จะต้องทำให้เรียบร้อย เพราะฉะนั้น การที่แต่ละฝ่ายจะใช้สิทธิ์ในการเข้าชื่อเพื่อวินิจฉัยนั้น ตนจึงไม่อยากชี้นำไปล่วงหน้า เพราะวุฒิสภาได้ผ่านการพิจารณามาแล้ว และต้องรอไว้ 3 วันก่อนที่จะมีการส่งร่างไปยังรัฐบาลเพื่อทูลเกล้าฯ ทั้งนี้ ตนคิดว่าขั้นตอนในการพิจารณของศาลฯ น่าจะไม่นาน ซึ่งยอมเสียเวลาบ้างจะดีกว่าปล่อยให้เคลือบแคลงสงสัย