สินมั่นคงฯ ไม่คืนใบอนุญาต ยันมีสินทรัพย์ลงทุนอีกมาก คาดได้ผู้ร่วมทุนมิ.ย.นี้

  • มีเงินสดเพียงพอจ่ายสินไหมประเภทต่าง ๆ
  • เผยปี 64 จ่ายเคลมโควิด 8,141 ล้านบาท
  • ขาดทุนกว่า 4,731 ล้านบาท

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2565 นายเรืองเดช ดุษฎีสุรพจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 บริษัททำหนังสือถึงตัวแทนและนายหน้าประกันวินาศภัย เพื่อเป็นการสื่อสารตรงถึงทุกคนถึงสถานการณ์บริษัท หลังเกิดความเข้าใจผิดจากกระแสข่าวต่างๆ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ผมก็ต้องทำหน้าที่ของผมให้เข้าใจถูกต้อง ขณะนี้บริษัทได้เจรจากับนักลงทุนหลายราย ส่วนผลจะออกมาอย่างไร อยู่ที่ยอดการเคลมโควิดที่จะครบสัญญาในเดือนเมษายนนี้ เพราะต้องประเมินมูลค่า ขอยืนยันบริษัทไม่คืนใบอนุญาตแน่นอน และบริษัทยังมีสินทรัพย์ลงทุนอีกมาก

สำหรับหนังสือทำถึงตัวแทนและนายหน้าประกันวินาศภัย ได้สรุปสถานการณ์และคำอธิบายข้อสงสัยหรือข้อกังวลต่าง ๆ คือ 1.บริษัทจะหานักลงทุนหรือผู้ร่วมทุนได้สำเร็จหรือไม่? บริษัทขอเรียนว่าบริษัทได้เริ่มกระบวนการสรรหานักลงทุนตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564 และมีนักลงทุนสนใจที่จะเข้าร่วมทุนกับบริษัทหลายราย แต่เนื่องจากการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนในช่วงปลายเดือนธันวาคม 2564 ทางนักลงทุนจึงขอรอดูตัวเลขของสินไหมโควิดจนถึงเดือนเมยายน 2565เพื่อที่จะสามารถประเมินมูลค่าที่เหมาะสมในการร่วมลงทุนกับบริษัทได้อย่างถูกต้อง โดยบริษัทขอยืนยันว่ามีนักลงทุนให้ความสนใจในการร่วมทุนครั้งนี้ และคาดว่ากระบวนการในการร่วมทุนจะแล้วเสร็จประมาณเดือนมิถุนายน 2565

2.บริษัทมีสภาพคล่องเพียงพอในการจ่ายสินไหมหรือไม่? บริษัทขอเรียนว่าในอดีตที่ผ่านมา ผลการดำเนินธุรกิจของบริษัทมีกำไรอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด และบริษัทได้สะสมกำไรดังกล่าวไว้ที่บริษัท ส่งผลให้ในปัจจุบันบริษัทยังมีกระแสเงินสดเพียงพอที่จะจ่ายสินไหมประเภทต่าง ๆ แก่ผู้เอาประกัน และดูแลคู่ค้า ตัวแทน และนายหน้าประกันวินาศภัย อู่ และคู่ค้าอื่น ๆ ได้

3.บริษัทจะคืนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยหรือไม่? บริษัทขอยืนยันว่าบริษัทจะไม่คืนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยโดยเด็ดขาด บริษัทขอเรียนว่าบริษัทได้ให้ความใส่ใจ มุ่งมั่น และทุ่มเทในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับบริษัทในครั้งนี้อย่างเต็มความสามารถ และเชื่อมั่นว่าจะสามารถฟันฝ่าอุปสรรคในครั้งนี้ไปได้ พร้อมทั้งจะทำหน้าที่ในการดูแลคู่ค้าทุกราย รวมถึงผู้เอาประกันภัยของบริษัทอย่างเต็มความสามาร

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) รายงานตลาดหลักทรัพย์ ในปี2564 ผลประกอบการขาดทุน 4,731 ล้านบาท เกิดจากจำนวนเงินค่าสินไหมทดแทนโควิดที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก เมื่อเทียบกับปี 2563 มีจำนวนเงินค่าสินไหมทดแทนโควิดเพียง 11.56 ล้านบาท

โดยมีรายได้รวม 10,898 .76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 484.80 ล้านบาท จากปี 2563 ที่มีรายได้รวม 10,413.96 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 4.66% เกิดจากเบี้ยประกันภัยที่ถือเป็นรายได้เท่ากับ 9,850.45 ล้านบาท ลดลง 220.93 ล้านบาท คิดเป็นอัตราลดลง 2.19% เป็นผลมาจากสำรองเบี้ยประกันภัยเพิ่มขึ้น จากปีก่อนจำนวน 743.46 ล้านบาท

ส่วนรายได้และกำไรจากการลงทุนเพิ่มขึ้น 705.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 206.01% เมื่อเทียบกับปีก่อน สาเหตุหลักเกิดจากกำไรจากเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้น 724.27 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 501.10% จากการขายเงินลงทุนในหลักทรัพย์เพื่อทำกำไร และกำไรจากการปรับมูลค่ายุติธรรมเพิ่มขึ้น 86.36 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น1,555.62% เป็นผลจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการขายเงินลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ

ด้านค่าใช้จ่ายรวมอยู่ที่ 16,405.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,917.86 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 72.91% จากปี 2563 ซึ่งมีค่าใช้จ่ายรวมเท่ากับ 9,488.13 ล้านบาท เกิดจากค่าสินไหมทดแทน 13,332.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7,009.68 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 110.85% จากปี2563 โดยแยกเป็นค่าสินไหมทดแทนประเภทอื่นๆ 5,191.66 ล้านบาท และค่าสินไหมทดแทนโควิดเท่ากับ 8,141.32 ล้านบาท เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ติดเชื้อในปี 2563

ขณะที่กำไรจากการรับประกันภัย มีผลขาดทุน 6,406.51 ล้านบาท เนื่องจากการรับประกันภัยโควิดประสบผลขาดทุนเป็นจำนวนเงินสูงถึง 7,632.56 ล้านบาท ส่วนการรับประกันภัยประเภทอื่นๆมีผลกำไร จำนวน 1,226.06 ล้านบาท