“สาธารณสุข” ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้นักเรียนแล้ว 1.3 แสนคน

  • นักเรียนชาย 1 เข็มตามคำแนะนำราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ฯ
  • นักเรียนหญิง ฉีดตามปกติ 2 เข็ม
  • คาดปี 65 ฉีดกลุ่มอายุ 3-11 ปี ตั้งเป้า 86 ล้านโดส

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้เริ่มฉีดวัคซีนในเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปเป็นวันแรก โดยให้โรงเรียนเป็นสถานที่ฉีดเพื่อความสะดวกในการเดินทาง โดยแต่ละจังหวัดโรงเรียนและโรงพยาบาลจะหารือกันเพื่อจัดการฉีดได้สอดคล้อง รวมถึงฉีดนักเรียนชาวต่างชาติด้วย สำหรับกลุ่มโฮมสคูลที่ไม่อยู่ในระบบ จะจัดสรรวัคซีนไปที่จังหวัดและนัดหมายลงทะเบียนการฉีดในระยะต่อไป กรณีนักศึกษามหาวิทยาลัยแต่อายุต่ำกว่า 18 ปี ให้แสดงความจำนงที่จังหวัดเพื่อจัดสรรวัคซีนฉีดให้ ส่วนกรณีนักเรียนมัธยมที่อายุเกิน 18 ปีอนุโลมให้ฉีดไฟเซอร์เหมือนเพื่อนในชั้นเรียนได้ ทั้งนี้ วันที่ 6 ตุลาคม จะมีวัคซีนไฟเซอร์มาอีก 1.5 ล้านโดส และสัปดาห์ถัดไปอีก 1.5 ล้านโดส ดังนั้น 2 สัปดาห์ที่จะถึงนี้จะมีวัคซีนทั้งหมด 5 ล้านโดสกระจายไปให้เพียงพอกับความต้องการฉีด

“อาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ พบว่ามีความสัมพันธ์กับการฉีดวัคซีน mRNA ส่วนใหญ่เกิดในเด็กชายอายุ 12-17 ปี ในการฉีดเข็มที่ 2 พบประมาณ 6 คนใน 1 แสนคน อาการไม่รุนแรงและหายเองได้ ประเทศไทยจากการฉีด 1.3 แสนคน พบอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ 4 คน ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าการฉีดวัคซีนมีประโยชน์มากกว่าผลข้างเคียง กระทรวงสาธารณสุขจึงจะฉีดวัคซีนให้เด็กผู้หญิง 2 เข็ม ส่วนเด็กผู้ชายจะฉีดเข็มเดียวก่อน เพื่อติดตามข้อมูลและประเมินผลข้างเคียง ตามคำแนะนำของราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย” 

นพ.โอภาสกล่าวว่า แม้ขณะนี้จะมีการฉีดวัคซีนในครูและบุคลากรทางการแพทย์มากกว่า 80-90% และกำลังเร่งฉีดให้ครบ 100% รวมถึงเริ่มมีการฉีดวัคซีนในเด็กนักเรียนแล้ว แต่เพื่อให้การเรียนการสอนมีความปลอดภัยจากโรคโควิด 19 ขอให้จัดสถานศึกษาให้มีความปลอดภัย โดยเฉพาะสิ่งแวดล้อม ระบบถ่ายเทอากาศการเว้นระยะห่าง การทำกิจกรรมร่วมกันต้องเคร่งครัด โดยเฉพาะการรับประทานอาหารร่วมกัน เน้นย้ำการสวมหน้ากาก ทำความสะอาดสถานที่ โรงเรียนประจำอาจต้องมีการตรวจ ATK เป็นระยะ เพื่อไม่ให้เกิดเป็นคลัสเตอร์ใหม่