- ผู้ผลิตและนำเข้าต้องยื่นจำสำแดงเสียภาษีอัตราใหม่
- แนะผู้บริโภคสแกนคิวอาร์โค้ดก่อนซื้อ
- หากเป็นล็อตเก่าขายแพงให้ฟ้องสคบ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 ก.ย.2564 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศกฎกระทรวงการคลังกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามติฉบับที่ 17 พ.ศ.2564 โดยมีสาระสำคัญให้มีการปรับขึ้นภาษีบุหรี่ให้มีผลตั้งแต่ 1 ต.ค.นี้ เป็นต้นไป
ทั้งนี้ โครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ กำหนดดังนี้ ให้ผู้ผลิตและผู้นำเข้าชำระภาษีทั้งมูลค่าและปริมาณ สำหรับบุหรี่ราคาซองละไม่เกิน 72 บาท จะเสียภาษีในอัตรา 25% และปริมาณ 1.25 บาทต่อมวน ส่วนบุหรี่ราคาซองละเกินกว่า 72 บาทขึ้นไปโดยมูลค่าจะเสียภาษีในอัตรา 42% และปริมาณ 1.25 บาทต่อมวน ขณะที่ภาษียาเส้น ใช้อัตราเดิม ปริมาณการผลิตไม่เกิน 12,000 กิโลกรัม(กก.)ต่อปี จัดเก็บภาษีในอัตรา 25 บาทต่อกก.แต่ถ้าปริมาณการผลิตเกิน 12,000 กก. จัดเก็บอัตรา 100 บาทต่อกก.
นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า โครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ จะทำให้บุหรี่มีภาระภาษีเพิ่มขึ้นประมาณซอง 4-5 บาท จึงคาดว่าราคราขายปลีกบุหรี่ไม่เกิน 72 บาท อาจปรับขึ้นไปถึง 66-72 บาท ส่วนบุหรี่ราคาเกิน 72 บาทต่อซอง ราคาจะปรับขึ้นเฉลี่ยต่อซองละ 5 บาท ส่วนสุดท้ายจะขึ้นจริงเท่าไรต้องรอผู้ประกอบการแจ้งเข้ามา ซึ่งเชื่อว่าภาษีใหม่จะลดการสูบบุหรี่ลงได้ 2-3% ทำให้รัฐเก็บภาษีเพิ่มขึ้น 3,500-4,500 ล้านบาทต่อปี และทำให้บุหรี่มีการแข่งขันที่เป็นธรรม โดยไม่มีบุหรี่ราคาสูงลดราคาลงมาแข่งกับบุหรี่ราคาถูกแน่นอน
“ในช่วง1-2 สัปดาห์นี้ ราคาบุหรี่ควรจะขายราคาเดิม ห้ามขึ้นราคา เนื่องจากตามขั้นตอนการขึ้นภาษีบุหรี่หลังจากที่กฎหมายบังคับใช้ 1 ต.ค.นี้ผู้นำเข้าและผู้ผลิต จะต้องยื่นแสดงต้นและราคาขายตามโครงสร้างภาษีใหม่ มาให้กรมพิจารณา และจะใช้เวลาพิจารณาประมาณ 1-2 สัปดาห์ถึงประกาศให้ขึ้นได้ ดังนั้นวันที่ 1 ต.ค.บุหรี่จะยังเป็นของสต็อกเก่าจึงต้องขายราคาเดิม แต่หากพบผู้ประกอบการขึ้นราคา และหากตรวจพบว่าแจ้งภาษีเป็นเท็จ มีโทษปรับภาษีเพิ่มขึ้น 2 เท่า และเงินเพิ่มอีก 7.5% แต่ถ้าเป็นร้านค้าปลีกขายเกินราคาจะมีการตักเตือน หากไม่เชื่อฟังก็อาจต้องยึดใบอนุญาต”
นอกจากนี้ เพื่อแก้ปัญหาการกักตุน และฉวยโอกาสขึ้นราคาตั้งแต่เที่ยงคืน ของวันที่ 1 ต.ค.นี้ จะมีการส่งเจ้าหน้าที่สรรพสามิต ปูพรมตรวจสต็อกผู้ประกอบการ ร้านค้าส่งรายใหญ่ว่ามีสต็อกเดิมเท่าไร และในปีนี้จะมีการเพิ่มประสิทธิภาพปราบปรามบุหรี่เถื่อนอย่างจริงจัง โดยตั้งศูนย์สำหรับติดตามของหนีภาษีทางออนไลน์ ขณะเดียวกันขอให้ประชาชนช่วยสอดส่อง โดยสามารถใช้โทรศัพท์มือสแกนรหัสคิวอาร์โค้ดบริเวณแสตมป์บนซองบุหรี่ หากเป็นบุหรี่ที่เสียภาษีก่อน 1 ต.ค.64 ที่ขายเกินราคา สามารถร้องเรียนได้ที่กรมสรรพสามิตเบอร์โทร 1713 และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)
นอกจากนี้ครม. ยังได้มอบหมายให้กรมฯ ศึกษาการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่เป็นอัตราเดียว เพื่อสร้างความเท่าเทียมในการแข่งขัน ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาและจะนำมาใช้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม รวมทั้ง มอบหมายให้กรมสรรพสามิตประสานการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.)และสำนักงบประมาณ เพื่อจ่ายเงินชดเชยให้แก่เกษตรกรผู้เพาะปลูกยาสูบ ตามกรอบวงเงินที่ครม.ได้อนุมัติ 159.59 ล้านบาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้เพาะปลูกยาสูบรายละ 14,200 บาท
รวมทั้งมอบหมายให้ยสท. ไปศึกษาการปลูกทดแทนยาสูบ โดยให้สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เข้ามาบทบาทในการสร้างองค์ความรู้ และการเปลี่ยนผ่านให้เกษตรกรผู้ปลูกยาสูบไปสู่พืชทดแทน ที่สามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกรต่อไป
