สยามคูโบต้า ชี้ปัญหาขาดแคลนแรงงานดันยอดขายแทรกเตอร์เติบโต

สยามคูโบต้าแถลงทิศทางธุรกิจในปีนี้ ตั้งเป้ายอดขาย 60,000 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมา ยอดขายติดลบ 7% กับยอดขาย 58,000 ล้านบาท สาเหตุหลักได้รับผลกระทบจากวิกฤติภัยแล้ง โดยในปีนี้มองว่าผลกระทบดังกล่าวยังมีอยู่ แต่ภาคการเกษตรขาดแคลนแรงงานหนักทำให้เกษตรกรไทยหันมาลงทุนใช้เครื่องจักรกลการเกษตรมาทดแทนเพิ่มมากขึ้น ทำให้รายได้ในไตรมาสแรกของปีนี้กลับมาเติบโต
ขณะที่ธุรกิจเครื่องจักรกลการเกษตรในประเทศไทยมีการแข่งขันสูงขึ้นทำให้บริษัทต้องวางกลยุทธ์ปกป้องการเป็นผู้นำตลาดด้วยการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมโซลูชั่นให้เกษตรกรครบวงจร การปรับปรุงแพล็ตฟอร์มดิจิทัลบริการจัดส่งสินค้าถึงมือเกษตรกรโดยตรงในวันรุ่งขึ้น 

นายจูนจิ โอตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ผลประกอบการ ปี 2566 บริษัทฯ มียอดขายมูลค่ารวมปิดที่ 58,000 ล้านบาท  คิดเป็นสัดส่วนธุรกิจในประเทศ 70 % และต่างประเทศ 30 % อัตราเติบโตลดลง 7% จากปีที่ผ่านมาเผยเหตุชะลอตัวจากการเผชิญกับความท้าทาย ทั้งสถานการณ์ภัยแล้งตั้งแต่ต้นปีที่ส่งผลกระทบสะสมทั่วประเทศ บวกกับปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อการเพาะปลูกทำให้ผลผลิตพืชเศรษฐกิจหลักลดลง รวมถึงต้นทุนราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของเกษตรกร 

อย่างไรก็ตามยังได้อานิสงส์จากปัจจัยบวกของยอดขายในประเทศเพิ่มขึ้นจากรถดำนาในพื้นที่ปลูกข้าวนาปรัง และตลาดรถขุดโตขึ้นจากปริมาณการส่งออกทุเรียนที่เพิ่มขึ้น สำหรับในปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายรวมอยู่ที่ 60,000 ล้านบาท พร้อมเตรียมแผนการลงทุนประมาณ 1,400 ล้านบาทสำหรับเพิ่มกำลังการผลิต การทดแทนเครื่องจักรการผลิตเดิมและการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน (ESG) 

ปัจจุบันสยามคูโบต้ามีโรงงานผลิตเครื่องจักรกลการเกษตร 2 แห่ง ตั้งอยู่ที่สำนักงานใหญ่ นิคมอุตสาหกรรม นวนคร จังหวัดปทุมธานี เน้นการผลิตเครื่องยนต์ดีเซล รถไถเดินตาม และเครื่องอัดฟาง และอีกแห่งคือนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นโรงงานมาตรฐานระดับโลกและเป็นฮับสำคัญ ที่ส่งออกแทรกเตอร์ รถเกี่ยวนวดข้าว และรถขุดขนาดเล็ก เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดอาเซียนที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคโนโลยีนวัตกรรมหุ่นยต์ ในกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความแม่นยำในกระบวนการผลิต สร้างผลิตภัณฑ์คุณภาพและได้มาตรฐาน นอกจากนี้ยังได้รับรางวัล “โรงงานเครือข่ายลดก๊าซเรือนกระจกดีเด่น” โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ปี 2566 อีกด้วย 

ในตลาดต่างประเทศ สยามคูโบต้าเตรียมตอกย้ำความสำเร็จของการรุกตลาดอาเซียนคือ KUBOTA CAMBODIA Co,. Ltd. ณ ประเทศกัมพูชา และ KUBOTA LAOS Sole Co,. Ltd. ณ สปป.ลาว ตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งในปีนี้ถือเป็นวาระครบรอบ 10 ปี แห่งความสำเร็จในการเข้าไปทำตลาดทั้งสองแห่ง โดยยึดมั่นจุดแข็ง 4 หัวใจหลักของการทำธุรกิจ (4 Core Pillars) คือ สินค้ามีคุณภาพและหลากหลาย บริการหลังการขายที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน เครือข่ายร้านค้าผู้แทนจำหน่ายที่ครอบคลุม และบริการให้คำปรึกษาด้านสินเชื่อในประเทศกัมพูชา ทางสยามคูโบต้ามีแผนส่งออกสินค้าใหม่ที่รองรับการเติบโตในภาคธุรกิจการเกษตรของแต่ละประเทศในอนาคต พร้อมทั้งพัฒนาระบบ Data Driven เพื่อนำข้อมูลใช้สนับสนุนการขายและการตลาดให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมยกระดับงานบริการที่ดีเยี่ยมให้กับลูกค้าทั้งสองประเทศได้รับประสบการณ์ที่ดีจากแบรนด์คูโบต้าเช่นกัน

นางวราภรณ์ โอสถาพันธุ์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส เผยถึงภาวะเศรษฐกิจการเกษตรในปีที่ผ่านมา (GDP) ขยายตัว 0.3% ชะลอตัวเมื่อเทียบกับปี 2565 เนื่องจากสถานการณ์ภัยแล้ง ส่งผลกระทบต่อผลผลิตของพืชโดยทางสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรประเมินว่าส่งผลกระทบต่อตัวเลข GDP ประเทศถึง 2.3 แสนล้านบาท แต่ยังคงมีปัจจัยบวกจากราคาสินค้าเกษตร อาทิ ข้าว อ้อย ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมันสำปะหลังยังอยู่ ในเกณฑ์ดี คาดว่าแนวโน้มปีนี้ GDP ภาวะเศรษฐกิจการเกษตรจะเติบโตในระดับ 0.7-1.7%

ดังนั้น ทิศทางการดำเนินธุรกิจในปีนี้ จะเน้นการพัฒนา จัดหา และขยายรูปแบบการใช้งานเครื่องจักรกลการเกษตรที่สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าใหม่มากขึ้น รวมไปถึงธุรกิจเครื่องจักรกลก่อสร้าง มุ่งพัฒนาและนำเสนอรถขุดโมเดลใหม่ รวมถึงการจัดหาอุปกรณ์ต่อพ่วงสำหรับรถขุดที่หลากหลาย  เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดในกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ตลอดจนการพัฒนาธุรกิจและโซลูชันใหม่ยกระดับภาคการเกษตรเดินหน้าสู่ Smart Farmingรวมถึงผลักดันให้เกิดการทำเกษตรอย่างยั่งยืน

สำหรับปีนี้เตรียมตั้งเป้าบุกตลาดเต็มกำลังด้วยกลยุทธ์ RACE ประกอบด้วย 

R – Retain Leadership รักษาความเป็นผู้นำ เป็นการรักษากลุ่มลูกค้าเก่า มุ่งเน้นการให้ความรู้ การบริการที่ดีทั้งการบริการหลังการขายและความพร้อมของอะไหล่ เพื่อสร้างความไว้วางใจและเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ของคูโบต้า 

A – Accelerate Growth ขยายตลาดเพื่อการเติบโต เพิ่มการใช้งานเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่อพ่วงให้ครอบคลุมทุกขั้นตอนการเพาะปลูกทั้งพืชไร่และพืชสวน โดยการพัฒนาอุปกรณ์ต่อพ่วงให้สามารถใช้งานร่วมกันสินค้าปัจจุบันได้หลากหลาย รวมถึงขยายไปสู่พืชมูลค่าสูง (High Value Crop) 

C – Climate Change รับมือสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป  ผ่านการส่งเสริมให้เกษตรกรทำการเกษตรโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ โซลูชันการทำนาเปียกสลับแห้ง การจัดการการใช้น้ำในแปลง การจัดการฟาร์มโดยใช้เครื่องมือดิจิทัลเพื่อเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุน การปลูกพืชแบบในร่ม การนำพลังงานสะอาดมาใช้เพื่อการเกษตร และ 

E- ESG for Sustainability ดำเนินธุรกิจ เพื่อความยั่งยืน ด้วยการสร้างสมดุล Ecosystem พร้อมกับความเป็นอยู่ที่ดีของทุกคน โดยเฉพาะแนวคิดการส่งเสริมและสนับสนุนความยั่งยืนบนเส้นทางอาชีพของเกษตรกรให้มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากสิ่งที่มีอยู่สู่การต่อยอดมูลค่าเพิ่มในด้านต่างๆ เพื่อสร้างรากฐานแห่งความยั่งยืนของชีวิต และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของเกษตรกร 

ปัญหาขาดแคลนแรงงานดันยอดขายคูโบต้าเติบโตในไตรมาสแรก

นายพิษณุ มิลินทานุช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการทั่วไป สายงานขาย การตลาดและบริการ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดเครื่องจักรกลการเกษตรของไทยในปี 2566 ที่ผ่านมาลดลงราว 10-15 % เนื่องมาจากสถานการณ์ Climate Change ที่ทำให้ปริมาณน้ำฝนลดต่ำลง ส่งผลกระทบต่อการเพาะปลูกของเกษตรกร 

อย่างไรก็ตามในด้านตลาดเครื่องจักรกลการเกษตร คูโบต้ายังคงใช้จุดแข็งของผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมที่เข้ากับการเกษตรในประเทศไทย พร้อมการทำแคมเปญการตลาดต่างๆ ที่น่าสนใจ ตอบโจทย์ และเข้าถึงเกษตรกรได้อย่างกว้างขวาง รวมถึงความแข็งแกร่งในด้านการให้บริการหลังการขาย นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์การทำงานของเกษตรกรในแต่ละกลุ่มมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเกษตรกรพืชหลัก กลุ่มเกษตรกรสมัยใหม่ และกลุ่มเกษตรกรในเทรนด์พืชที่น่าสนใจ  

สำหรับแนวโน้มของธุรกิจในปีนี้แม้ว่าผลกระทบจากภาวะภัยแล้งยังมีอย่างต่อเนื่อง แต่ก็มีผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรบางชนิดที่ยังดีอยู่เช่น อ้อยและมันสำปะหลัง แต่มีข้อสังเกตุตในไตรมาสแรกของปีนี้ยอดขายของเครื่องจักรกลของสยามคูโบต้ามีอัตราเติบโต เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนแรงงานอย่างหนักทำให้เกษตกรต้องหันมาใช้เครื่องจักรกลเพื่อทดแทนแรงงานกันมากขึ้น ทำให้ตัวเลขในไตรมาสแรกของปีนี้กลับมาเป็นบวกได้