สมาคมแอตต้าอ้อน“เศรษฐา”เร่งแก้ทัวร์จีน/ต่างชาติ

  • นายกฯแอตต้าอ้อนเศรษฐาทวีสินนายกและผู้นำรัฐบาลใหม่เร่งนโยบายทัวร์ต่างประเทศและจีนเข้าไทย 
  • ชี้ทัวร์จีนเจอ 3 เรื่องใหญ่วีซ่าเข้าไทยออกล่าช้าเศรษฐกิจภายในอ่อนแรงกระแสข่าวเชิงลบในไทย” 
  • แนะรัฐ-เอกชน-คนไทยรวมพลังประกาศเป็นเจ้าบ้านที่ดีพร้อมรองรับจีนตามมาตรฐานใหม่

นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า ในฐานะสมาคมที่มีสมาชิกเป็นบริษัทนำนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าเมืองไทย ประเมินสถานการณ์นักท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศเที่ยวเมืองไทยตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคม 2566 ในช่วงมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารนำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะต้องเร่งนโยบายมุ่งผนึกความร่วมมือกันทั้งทุกฝ่ายในหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ควรจะต้องออกแรงเพิ่มมากขึ้นกว่านี้ 

เนื่องจากตลาดต่างประเทศเที่ยวไทยช่วง 8 เดือนแรก ระหว่างมกราคม-สิงหาคม 2566 ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตั้งเป้าหมายจะนำนักท่องเที่ยวตลาดหลักจากสาธารณรับประชาชนจีนมาไทย 5 ล้านคน อาจจะทำได้ยากลำบากมาก เพราะเกิดผลกระทบจากหลายอย่าง ซึ่งปัจจุบันจำเป็นจะต้องรอให้ทางนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ สาเหตุสำคัญ  3 ปัจจัยเร่งด่วน คือ

ปัจจัยที่ 1 ไทยต้องเตรียมความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวจีนซึ่งทางสมาคมแอตต้าได้รับการร้องเรียนมาตลอดเรื่องไทยให้วีซ่าจีนช้ามาก จากการประสานงานกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องของไทยระบุได้เปลี่ยนเป็นมาใช้ระบบ E-VISA กับนักเดินทางจากจีนแล้ว แต่ทางสมาคมแอตต้าเปรียบเทียบกับช่วงสถานการณ์ปกติปี 2562 แล้ว ช่วงนั้นไทยสามารถออกวีซ่าได้เร็วกว่าปัจจุบันซึ่งต้องใช้เวลา 10-20 วัน ทำให้บริษัทนำเที่ยวของไทยเสียโอกาสอย่างมาก

ปัจจัยที่ 2 เศรษฐกิจภายในสาธารณรัฐประชาชนจีนเองกำลังอ่อนแรง ทำให้รัฐบาลจีนต้องทำนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศมากกว่าสนับสนุนให้ประชาชนไปเที่ยวต่างประเทศ ส่วนไทยเองช่วงหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายเริ่มตอนเปิดประเทศปลายปี 2565 จีนให้โอกาสเป็น 1 ในประเทศกลุ่มแรก ๆ ที่ได้รับการส่งเสริมให้ชาวจีนเดินทางมาท่องเที่ยวได้ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควร

ปัจจัยที่ 3 กระแสข่าวเชิงลบเมื่อจีนเดินทางมาเที่ยวเมืองไทย โดยเฉพาะเรื่องความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์ ทั้งจากกรณีนักเรียนจีนถูกเรียกค่าไถ่ รวมถึงการถูกหลอกลวงซึ่งปรากฎในโซเชียลมีเดียของจีน จึงทำให้ชาวจีนชะลอการเดินทางมาไทย

นายศิษฎิวัชร กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ทางสมาคมแอตต้ายังไม่แน่ใจรวมทั้งยังขาดข้อมูลความชัดเจนตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ประกาศเดินหน้านโยบายเปิด ฟรี วีซ่า ให้นักท่องเที่ยวจีน เพราะจากประสบการณ์ทำธุรกิจตลาดจีนในช่วงก่อนหน้าเกิดสถานการณ์โควิด-19 ไทยใช้นโยบายเปิดกว้างไม่ได้เก็บค่าธรรมเนียมวีซ่านักท่องเที่ยว แต่ตอนนี้จัดเก็บปกติ ดังนั้นจึงต้องขอให้สถานฑูตหรือสำนักงานกงศุลไทยในแต่ละมณฑลของสาธารณรัฐประชาชนจีนสื่อสารถึงชาวจีนอย่างต่อเนื่องและชัดเจนถึงการนำระบบ E-VISA เข้ามาใช้งาน

ส่วนภารกิจสำคัญของไทยหลังสถานการณ์โควิด-19 จะต้องช่วยกันฟื้นฟูตลาดจีนกลับมา สิ่งแรกที่ต้องเร่งร่วมกันทำคือผู้ประกอบการท่องเที่ยวกับคนไทยจะต้องเตรียมความพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นมิตร รวมถึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลใหม่กับสมาคมท่องเที่ยวจะต้องหารือกันอย่างเป็นรูปธรรมอีกครั้ง เนื่องจากขณะนี้ไทยเปลี่ยนมาใช้ระบบ E-VISA กับชาวจีนซึ่งในขั้นตอนปฏิบัติต้องใช้เอกสารแสดงเป็นจำนวนมาก สร้างความอึดอัดและลำบากใจกับคนจีนที่ต้องการจะเดินทางมาไทย

นายศิษฎิวัชร กล่าวว่า มีตัวอย่างการใช้นโยบายของรัฐบาลไทยกระตุ้นตลาดจีนหลังเกิดสถานการณ์เรือล่มที่จังหวัดภูเก็ตแล้วมีผู้เสียชีวิต ครั้งนั้นทุกฝ่ายร่วมมือกันทำอย่างเต็มที่โดยใช้เวลาฟื้นฟูตลาดจีนกลับมาเที่ยวเมืองไทยได้ภายในเวลา 3-4 เดือน หรือเมื่อปี 2562 ในช่วงสถานการณ์ปกติช่วงปลายปีจะมีจีนมาเที่ยวเมืองไทยเกินกว่าเดือนละ 1 ล้านคน ระหว่างมกราคม-สิงหาคม ของปีดังกล่าวก็มีเข้ามาแล้วกว่า 8 ล้านคน 

ดังนั้นในนามนายกสมาคมแอตต้าจึงมีข้อเสนอแนะให้รัฐบาลไทยชุดใหม่ มีนโยบายส่งเสริมเอกชนเดินทางไปทำโร้ดโชว์จีน ควบคู่กับการโปรโมตเชิงบวกถึงความพร้อมของไทย ทั้งทางด้านการเป็นเจ้าบ้านที่ดี แหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ หรือแม้แต่กรณีแท็กซี่บริการสาธารณะไม่ยอมกดมิเตอร์แต่เรียกเก็บค่าโดยสารหรือไล่ผู้โดยสารลงจากรถ ภาพลักษณ์เหล่านี้รัฐบาลใหม่ควรจะต้องเข้ามาจัดระเบียบใหม่อีกครั้ง เพื่อให้นักท่องเที่ยวจีนซึ่งเป็นตลาดสำคัญในอดีตเมื่อปี 2562 เคยเดินทางมาไทยมากเป็นอันดับ 1 ปีละ 10 ล้านคน ส่วนปี 2566 เอกชนยังพอมีความหวังและพยายามจะร่วมกับ ททท.ทำให้ถึงเป้าหมาย 5 ล้านคน 

เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza, www.facebook.com/penroongyaisamsaen