สภาผ่านงบ”กลาโหม”247ต่อ195เสียง

ที่รัฐสภา เมื่อคืนวันที่ 8 มกราคม 2563 นายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย อภิปรายปรับลดงบประมาณกระทรวงกลาโหมและหน่วยงานในกำกับ จำนวน 10 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากความไร้ประสิทธิภาพของการบริหารราชการในกระทรวงกลาโหม เนื่องจากไม่สามารถปราบปรามยาเสพติด, แก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ หรือทำให้การเลือกตั้งสุจริตเที่ยงธรรม การดูแลเลือกตั้งไม่ใช่หน้าที่ทหาร แต่ใช้ทหารทำหน้าที่จึงต้องตรวจสอบ

ทั้งนี้มีนายทหารหารือตนถึงการจัดเลือกตั้งที่สุจริต ซึ่งตนให้คำแนะนำว่าการซื้อเสียงไม่ได้ทำการลับ ดังนั้นขอให้ทหารจับกุม แต่ทหารระบุว่าไม่สามารถจับได้ เพราะกลัวประชาชนเกลียด ทำให้การจัดเลือกตั้งที่สุจริตไม่สามารถเกิดขึ้น

การเสนอปรับลดงบประมาณของกองทัพที่ตนเสนอ เพราะมีส.ส.บางคนเสนอให้ปรับลดอัตรานายพล เพราะปัจจุบันอัตรานายพล 1 ตำแหน่งเท่ากับนายทหาร 600 นาย ขณะที่สหรัฐอเมริกา นายพล 1 คน เท่ากับนายทหาร 1,600 นาย มีนิตยสารประเทศญี่ปุ่นเขียนบทความระบุว่ากองทัพของไทยแม้จะเก่ง ทำทุกอย่างได้ แต่กลับแพ้การทำสงคราม และตนขอให้กองทัพที่ได้รับงบประมาณปี 2563 ทำหน้าที่เอาชนะสักแนวรบให้ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการอภิปรายส่วนใหญ่ คือ การขอปรับลดงบประมาณของกระทรวงกลาโหม เนื่องจากความไร้ประสิทธิภาพของการปฏิบัติภารกิจทหาร เช่น การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กว่า 16 ปีแต่ไม่สามารถแก้ปัญหาให้คลี่คลายได้ โดยนายซูการ์โน มะทา ส.ส.ยะลา พรรคประชาชาติ อภิปรายว่าตนขอปรับลดงบประมาณของกลาโหม ลง 30 เปอร์เซ็นต์ เพราะความล้มเหลวในการแก้ปัญหาไฟใต้ โดยตลอด 16 ปี พบการสูญเสียของตำรวจและทหาร เป็นจำนวนมาก

ขณะที่นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย อภิปรายขอลดงบประมาณกระทรวงกลาโหม พร้อมตั้งคำถามถึงการจัดสรรงบลบในกระทรวงให้กับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ที่ดูแลงานด้านกฎหมายและนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ดูแลงานด้านเศรษฐกิจ เดือนละ 1 ล้านบาท ซึ่งขอให้กมธ.ฯ ชี้แจงต่อประเด็นดังกล่าวว่าทราบและตรวจสอบหรือไม่ ว่าจัดสรรงบลับให้รองนายกฯ​ที่ไม่เกี่ยวกับงานทหารเพื่ออะไร หากงบประมาณใช้ไม่หมดควรส่งคืนคลัง

ด้าน นายสันติ กีระนันทน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะกมธ.เสียงข้างมาก ชี้แจงว่า ที่ผ่านมาประชาชนอาจจะแคลงใจในการจัดซื้อเรือดำน้ำ แต่ตนชี้ว่า โครงการดังกล่าวเป็นจัดซื้อแบบจีทูจี ส่วนในเรื่องความลึกของระดับน้ำของอ่าวไทย กับทะเลอันดามันนั้น ที่ผ่านมามีการซ้อมรบ โดยสหรัฐอเมริกา นำเรือดำน้ำของตัวเองมาร่วมซ้อมด้วย โดยมีขนาดใหญ่ถึง 7,500 ตัน ยังมาซ้อมในน่านน้ำไทยได้ ขณะที่เรือดำน้ำที่เราซื้อมามีขนาดเพียง 2,000 ตันเท่านั้น จึงไม่น่ามีปัญหา ซึ่งการจัดซื้อเพียง 3 ลำจากการต้องดูแลน่านน้ำยาวถึง 3.2 แสนตารางกิโลเมตร ถือว่ากองทัพเรือช่วยประหยัด เพราะเราจำเป็นต้องมีถึง 3-4 ลำ

เมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน อย่าง เวียดนามมี 6 ลำอินโดนีเซีย 5 ลำ สิงคโปร์ ​4 ลำ มาเลเซีย 2  ลำ พม่าก็มีแผนจะรับมอบ  2 ลำและ ฟิลิปปินส์กำลงจัดหา 3 ลำ ดังนั้น  ถ้าเราไม่เตรียม แสนยานุภาพให้ทันเทียม ความเกรงอกเกรงใจก็จะลดลง หากความมั่นคงของประเทศไม่มี ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ก็ไม่เกิด กำลังต่อรองของเราก็น่าจะกังวลใจ

จากนั้น นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ให้สมาชิกลงมติว่า จะเห็นชอบกับทางคณะกรรมาธิการที่ได้แก้ไขร่างหรือไม่ ผลปรากฏว่า มีผู้เห็นด้วย 247 เสียง ไม่เห็นชอบ  195 เสียง ไม่ลงคะแนน 11 เสียง เป็นอันว่า ที่ประชุมเห็นชอบร่างมาตรา 8 งบประมาณของกระทรวงกลาโหม

จากนั้น จึงได้มีการพิจารณามาตรา 9 งบประมาณของกระทรวงการคลังเป็นมาตราต่อไป

ขอบคุณที่มา แนวหน้า