“สนธิรัตน์” แนะจับตาการเมืองหลังเอเปค “สมคิด” ชูนโยบายเด่นเจาะพื้นที่ “เพื่อไทย”

  • หลังเอเปคเป็นช่วงใกล้เวลาเลือกตั้ง
  • โยนถาม “บิ๊กตู่” ปมยุบสภา

วันนี้ (5 พ.ย.65) ที่มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ของผู้บริหารพรรคว่า เป็นครั้งแรกที่มาพูดกับประชาชนภาคอีสาน ถึงนโยบายที่พรรคสร้างอนาคตไทยจะทำให้ภาคอีสาน และเกษตรกรทั่วประเทศ
          

ผู้สื่อข่าวถามว่า การลงพื้นจ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นพื้นที่ของพรรคเพื่อไทย จะสามารถเจาะไข่แดงได้อย่างไร นายสมคิด กล่าวว่า เราจะขายชุดความคิดที่เป็นนโยบาย ส่วนคนตัดสินใจคือประชาชน แต่จะเจาะได้หรือไม่อยู่ที่สิ่งที่เราเสนอให้ประชาชน โดยเฉพาะชาวอีสานที่ยากจนจริงๆวันนี้ไม่มีจะกิน และนโยบายที่ตนประกาศไปแล้ว ใครจะเอาไปใช้ก็ไม่ได้ว่าอะไร ขอให้ทุกคนร่วมมือร่วมใจกัน
          

เมื่อถามว่า มองการเมืองหลังการประชุมเอเปกอย่างไร เพราะหลายฝ่ายประเมินว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงและเป็นช่วงใกล้เวลาเลือกตั้ง นายสมคิด กล่าวว่า ทำเอเปกให้ดีที่สุดก่อน เพราะเป็นเรื่องสำคัญ เป็นการประชุมที่เป็นหน้าตาของประเทศ ขอให้ทำให้ดีที่สุด ส่วนการเมืองจะเป็นอย่างไร ให้ปล่อยเป็นไปตามธรรมชาติ หากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น เชื่อว่าทุกพรรคพร้อมหมด แต่ถ้ายังเลือกตั้งไม่ได้ก็ให้ทำหน้าที่กันต่อไป ไม่มีอะไร และเวลานี้ควรคิดช่วยเหลือชาวบ้านดีกว่า
          

เมื่อถามว่า พรรคสร้างอนาคตไทยพร้อมทุกสถานการณ์ใช่หรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า หัวหน้าพรรค และเลขาฯพรรค บอกแล้วว่าพร้อมทุกสถานการณ์
         

เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ว่าจะมีการยุบสภาหลังประชุมเอเปก ตามที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เคยระบุไว้ นายสมคิด กล่าวว่า นั่นพล.อ.ประวิตร สื่อต้องไปถามพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ต้องถามให้ถูกคน
          
และมองอย่างไรที่เปิดสภามาก็เกิดเหตุสภาล่ม นายสมคิด กล่าวว่า เรื่องสภาเป็นความรับผิดชอบ ของส.ส.ทุกคน ขออย่าให้เกิดซ้ำซากมากไป ประชาชนจะขาดศรัทธา ขอให้ระวังเรื่องเอกสิทธิ์ส.ส. และขอให้ช่วยกัน
          
ด้าน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าวเสริมว่า จ.อุบลราชธานีเป็นพื้นที่ที่พร้อมจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ นี่คือสาเหตุที่เราเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อีสานครั้งแรกที่จ.อุบลราชธานี ส่วนจะได้กี่เสียงนั้นจะมีการแจ้งต่อไป
         
 ส่วนการเมืองไทยหลังการประชุมเอเปกนั้น นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า คิดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่หลังประชุมเอเปกจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางการเมืองเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะสิ่งที่สังเกตได้มาตลอดก็คือหลังเอเปกน่าจะมีการตัดสินใจทางการเมืองหลายเรื่อง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดขึ้นได้หลายลักษณะ ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงในพรรคการเมืองต่างๆ ที่มีอยู่แล้ว หรือเกิดความชัดเจนทางการเมืองของกลุ่มการเมืองต่างๆ และมีโอกาสไปถึงการยุบสภาที่จะคืนอำนาจให้กับประชาชนโดยเฉพาะสิ่งที่ตนคิดว่าน่าจะเกิดได้ก็คือเสียงในสภาที่เริ่มสะท้อนปัญหาถึงความเป็นเอกภาพ และปัญหาจากการประชุมสภา ซึ่งสิ่งเหล่านี้มักเกิดขึ้นตอนปลายสมัยของรัฐบาล ดังนั้น คิดว่าหลังเอเปกเป็นสถานการณ์ที่น่าจับตา
          

เมื่อถามว่า ถ้ามีการยุบสภาจริง แต่กฎหมายการเลือกตั้งยังไม่เสร็จจะเป็นอุปสรรคในการเลือกตั้งหรือไม่ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า คิดว่าวันที่ 23 พ.ย.ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยสิ่งที่ได้มีการยื่นไว้ ตรงนี้น่าจะมีความชัดเจนถึงความพร้อมในการเลือกตั้ง คงต้องติดตามดูวันที่ 23 พ.ย.