สตาร์ทเครื่องรอ!จับตาครม.เพิ่ม “วันหยุดราชการ” 31ก.ค.หยุดยาว5-6วันติด

จับตา ครม.วันนี้ สำนักเลขาธิการครม. เสนอ “วันหยุดราชการ” เพิ่มเป็นกรณีพิเศษ คาดเป็นวันที่ 31 ก.ค.นี้ เพื่อให้มีวันหยุดยาว 5-6 วัน

  • กระทรวงมหาดไทยเสนอของบกลาง
  • กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เสนอการจ้างงานคนพิการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วันนี้มีวาระสำคัญที่เสนอให้ครม.พิจารณาหลายเรื่อง ประกอบด้วย สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เสนอการกำหนด “วันหยุดราชการ” เพิ่มเป็นกรณีพิเศษ ประจำปี  2566 เพิ่มเติม โดยคาดว่าวันหยุดดังกล่าวจะเป็นในวันจันทร์ที่ 31 กรกฎาคม 2566 เพื่อให้เป็นวันหยุดยาว 5-6 วันติดกัน ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 28 กรกฎาคม 2566 ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่10 จากนั้นเป็นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ต่อด้วยวันจันทร์ที่ 31 กรกฎาคม ซึ่งไม่ได้เป็นวันหยุด ส่วนวันต่อไปเป็นวันอังคารที่ 1 สิงหาคม 2566 เป็นวันหยุดวันอาสาฬหบูชา และวันพุธที่ 2 สิงหาคม 2566 เป็นวันเข้าพรรษา หยุดเฉพาะราชการ  หากประกาศให้วันที่ 31กรกฎาคม 2566 เป็นวันหยุดเพิ่มเติม จะทำให้มีวันหยุดยาวติดต่อกัน 5-6 วัน(ราชการหยุด6วัน ส่วนเอกชนหยุด5วัน)

นอกจากนี้ยังมีวาระเพื่อพิจารณาที่น่าสนใจได้แก่ กระทรวงมหาดไทยเสนอขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 จากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาศาล, สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอกรอบแนวทางการประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการของส่วนราชการและจังหวัด ประจำปีงบประมาณ 2567

ส่วนวาระเพื่อทราบ เช่น กระทรวงการคลังรายงานผลงานการดำเนินงานโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน, กระทรวงการคลังรายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2566,กระทรวงมหาดไทย เสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะและระบบความปลอดภัยของอาคารที่ใช้ประกอบธุรกิจโรงแรม พ.ศ. …., กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอการจ้างงานคนพิการในหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2556 และคณะกรรมการ ป.ป.ช. รายงานข้อเสนอแนะการควบคุมการใช้ดุลพินิจของเจ้าพนักงานของรัฐในการปฏิบัติงานที่กระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชน