ศูนย์อสังหาฯ ธอส. ชี้ราคาที่ดินชานเมือง กทม.-ปริมณฑลขยับขึ้นต่อเนื่อง! ผู้ประกอบการเล็งซื้อผุดโครงการบ้าน

  • เผยดัชนีราคาที่ดินในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ไตรมาส 4 ปี 65 มีค่าดัชนี 381.4 จุด เพิ่มขึ้น 3.4% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
  • ชี้ยังคงเป็นการปรับเพิ่มขึ้นในอัตราที่ต่ำกว่าอัตราเฉลี่ย 5 ปีก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19
  • พบที่ดินในโซนบางพลี-บางบ่อ-บางเสาธง มีอัตราขยับราคามากสุดที่ 57.3%
  • ที่ดินใกล้แนวรถไฟฟ้า ในเขตบางซื่อเป็นบริเวณที่มีราคาปรับเพิ่มขึ้นมากสุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (27 ม.ค.66) ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ รายงานดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนา ในกรุงเทพฯ – ปริมณฑล ไตรมาส 4 ปี 2565 มีค่าดัชนีเท่ากับ 381.4 จุด เพิ่มขึ้น 3.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 12.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนามีการปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงเป็นการปรับเพิ่มขึ้นในอัตราที่ต่ำกว่าอัตราเฉลี่ย 5 ปีก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 (ปี 2558 – 2562) เล็กน้อย โดยมีอัตราเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 14.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และมีอัตราเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น 4.1% จากไตรมาสก่อนหน้า

นายวิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เปิดเผยว่า ปัจจัยที่ทำให้ราคาที่ดินเปล่ามีการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลง มาจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังมีปัญหายืดเยื้อต่อเนื่อง กระทบต่อเศรษฐกิจโลกโดยรวม ที่อาจจะทำให้เศรษฐกิจไทย ปี 2566 ขยายตัวลดลง รวมถึงรัฐบาลได้ประกาศจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเต็มอัตราโดยไม่ได้รับส่วนลด 90% เหมือนเช่นในปี 2562 – 2563 ที่ผ่านมา 

รวมถึงกรมธนารักษ์ประกาศใช้ราคาประเมินที่ดินใหม่รอบปี 2566-2569 ในวันที่ 1 มกราคม 2566 หลังเลื่อนใช้รอบใหม่มาตั้งแต่ปี 2564 ซึ่งมีผลทำให้ภาพรวมของราคาประเมินที่ดินทั้งประเทศ ปรับขึ้นเฉลี่ยประมาณ 8% ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ ได้ทำให้เจ้าของที่ดินได้ปล่อยอุปทานที่ดินสู่ตลาดเพื่อลดภาระการจ่ายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ขณะเดียวกันความต้องการซื้อที่ดินสะสมในตลาดก็ลดลงอีกด้วย

ทั้งนี้ ในไตรมาส 4 ปี 2565 ยังพบว่า โซนที่มีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้นสูงสุด 5 อันดับแรก เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ประกอบด้วย

อันดับ 1 ที่ดินในโซนบางพลี-บางบ่อ-บางเสาธง มีอัตราการเปลี่ยนราคามากถึงร้อยละ 57.3%

อันดับ 2 ที่ดินในโซนเมืองนนทบุรี-ปากเกร็ด มีอัตราการเปลี่ยนราคา 46.9%

อันดับ 3 ที่ดินในโซนเมืองปทุมธานี-ลาดหลุมแก้ว-สามโคก มีอัตราการเปลี่ยนราคาราคา 31.9%

อันดับ 4 ที่ดินในโซนกรุงเทพชั้นใน มีอัตราการเปลี่ยนราคาราคา  16.6%

อันดับ 5 ที่ดินในโซนบางเขน-สายไหม-ดอนเมือง-หลักสี่-มีนบุรี-หนองจอก-คลองสามวา-ลาดกระบัง มีอัตราการเปลี่ยนราคาราคา 10.1%

นายวิชัย กล่าวด้วยว่า จากภาวะราคาที่ดินที่มีการเปลี่ยนแปลงข้างต้น สะท้อนให้เห็นว่า ที่ดินที่อยู่บริเวณพื้นที่ชานเมืองของกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีการเปลี่ยนแปลงของราคาในลักษณะปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากราคาซื้อขายยังไม่สูงมากนัก และยังมีความต้องการนำไปใช้ในการพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบ เนื่องจากสามารถควบคุมต้นทุนของราคาที่อยู่อาศัยให้สอดคล้องกับความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยได้  ในขณะที่ราคาที่ดินในเขตชั้นในและชั้นกลางของกรุงเทพฯ  มีราคาที่สูงอยู่แล้ว แม้ว่าจะมีการปรับตัวขึ้นบ้าง จึงทำให้อัตราร้อยละการเปลี่ยนแปลงราคาไม่สูงดังเช่นในพื้นที่ชานเมือง

นอกจากนี้ สำหรับราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในแนวเส้นทางที่มีรถไฟฟ้าผ่านในไตรมาส 4 ปี 2565 พบว่าเส้นทางรถไฟฟ้า 5 อันดับแรกที่มีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้นสูงสุดเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนส่วนใหญ่เป็นที่ดินที่มีโครงการรถไฟฟ้าเปิดให้บริการแล้ว และเป็นโครงการในอนาคต โดยมีรายละเอียดดังนี้ 

อันดับ 1 ได้แก่ MRT ซึ่งเป็นโครงการที่เปิดให้บริการแล้วมีค่าดัชนีเท่ากับ 508.3 จุด มีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้น 16.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยราคาที่ดินในเขตบางซื่อเป็นบริเวณที่มีราคาปรับเพิ่มขึ้นมาก  

อันดับ 2 ได้แก่ สายสีแดงเข้ม (บางซื่อ-หัวลำโพง) ซึ่งเป็นโครงการในอนาคตมีค่าดัชนีเท่ากับ 500.4 จุด มีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้น 16.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยราคาที่ดินในเขตบางรัก และสัมพันธวงศ์เป็นบริเวณที่มีราคาปรับเพิ่มขึ้นมาก  

อันดับ 3 ได้แก่ สายสีเขียว (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) ซึ่งเป็นโครงการที่เปิดให้บริการแล้วมีค่าดัชนีเท่ากับ 477.3 จุด มีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้น 16.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยราคาที่ดินในเขตจตุจักร ดอนเมือง และบางเขน เป็นบริเวณที่มีราคาปรับเพิ่มขึ้นมาก 

อันดับ 4 ได้แก่ สายสีน้ำเงิน (หัวลำโพง-บางแค) ซึ่งเป็นโครงการที่เปิดให้บริการแล้วมีค่าดัชนีเท่ากับ 488.4 จุด มีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้น 13.1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยราคาที่ดินในเขตภาษีเจริญ เป็นบริเวณที่มีราคาปรับเพิ่มขึ้นมาก 

อันดับ 5 ได้แก่ สายสีทอง (ธนบุรี-ประชาธิปก) ซึ่งเป็นโครงการที่เปิดให้บริการแล้วมีค่าดัชนีเท่ากับ 481.4 จุด มีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้น 13.1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยราคาที่ดินในเขตคลองสาน เป็นบริเวณที่มีราคาปรับเพิ่มขึ้นมาก