“ศักดิ์สยาม”ไม่ขอแสดงความเห็น”โฮปเวลล์”ทวงเงินขอให้เป็นไปตามขั้นตอนของศาลยุติธรรม-ทุกอย่างทำตามกม. ยึดมั่นประโยชน์ประเทศเป็นหลัก

“ศักดิ์สยาม”รูดซิปไม่ขอแสดงความเห็น”โฮปเวลล์”ทวงเงินขอให้เป็นไปตามขั้นตอนของกระบวนการศาลยุติธรรม ด้านคมนาคม แจงเหตุร้องศาลปกครองพิจารณาพิพากษาคดีโฮปเวลล์ใหม่ ชี้ทำตามกม. ยึดมั่นประโยชน์ประเทศเป็นหลัก

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า กรณีที่โฮปเวลล์จะฟ้องดำเนินคดีทางอาญาภาครัฐว่า ตนมองว่าเป็นเรื่องปกติ ภาครัฐโดยเอกชนฟ้องเป็นประจำอยู่แล้ว ส่วนเรื่องการจ่ายหนี้ให้โฮปเวลล์นั้น ตนไม่สามารถออกความเห็นได้ เนื่องจากขณะนี้อยู่ในกระบวนการยุติธรรม และศาลได้มีคำสั่งงดบังคับคดี ซึ่งส่งผลให้คำสั่งชดใช้ค่าเสียหายข้างต้น รวมดอกเบี้ยจะถูกชะลอออกไปก่อน ขณะเดียวกันกระทรวงคมนาคมอยู่ในกระบวนการฟ้องร้องคดีใหม่กับโฮปเวลล์ จึงขอให้เป็นขั้นตอนของกระบวนการศาล

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงคมนาคมว่า กรณีโฮปเวลล์ ยืนยันว่ากระทรวง และ ร.ฟ.ท. ได้ดำเนินการเป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และหลักนิติธรรม รวมทั้งยึดมั่นประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ เป็นไปตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 3 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งสืบเนื่องจากกรณีโฮปเวลล์ เมื่อช่วงปี 62 องค์กรฝ่ายบริหาร รวมทั้งคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ได้ทำการตรวจสอบโครงการโดยละเอียดปรากฏว่ามีความผิดปกติในประเด็นต่างๆ ตั้งแต่ขั้นตอนการเสนอโครงการ ขั้นตอนการทำสัญญา ขั้นตอนการบริหารสัญญา ขั้นตอนการบอกเลิกสัญญา รวมถึงขั้นตอนการพิจารณาของคณะอนุญาโตตุลาการ เป็นต้น

ดังนั้น หากกระทรวงฯ และ ร.ฟ.ท. ปฏิบัติตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ โดยมิได้ใช้สิทธิตามกระบวนการของกฎหมาย ก็ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่รักษาผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและประชาชน ส่วนกรณีกระทรวงฯ และ ร.ฟ.ท.ร้องขอให้ศาลปกครองพิจารณาพิพากษาคดีนี้ใหม่ ซึ่งถือเป็นการใช้สิทธิตามมาตรา 75 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542 อันเนื่องมาจากเหตุที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยที่  5/2564 ลงวันที่ 17 มี.ค. 64 ว่า มติที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 27 พ.ย.45 เรื่อง ปัญหาเกี่ยวกับระยะเวลาการฟ้องคดีปกครอง เป็นการกระทำที่ขัดหรือแย้งต่อมาตรา 3 วรรคสอง และมาตรา 197 วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กรณีเช่นนี้จึงถือได้ว่ามีข้อกฎหมายที่เปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ อันทำให้ผลแห่งคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดขัดกับกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น