“ศักดิ์สยาม”นั่งหัวโต๊ะหย่าศึก เซ็นทรัลวิลเลจ กระทุ้ง กพท. ตรวจซ้ำผลกระทบด้านการบิน

  • คมนาคมรับ “เซ็นทรัล วิลเลจ” อยู่นอกพื้นที่การดูแลของ ทอท.
  • พร้อมสั่ง กพท.ตรวจสอบซ้ำผลกระทบความปลอดภัยทางการบิน
  • ขณะที่ปมสร้างทางเชื่อม เตรียมเรียก 4 หน่วยงานเกี่ยวข้องถกกรรมสิทธิ์สัปดาห์หน้า

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมร่วมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรณีข้อขัดแย้งก่อสร้างโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ว่า ที่ประชุมได้ข้อสรุปแล้วว่าพื้นที่ก่อสร้างโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ อยู่นอกเขตพื้นที่ครอบครองของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) แต่อยู่ภายใต้การครอบครองของกรมท่าอากาศยาน (ทย.) และกรมธนารักษ์ ประกอบกับวันนี้ (30 ส.ค.) ศาลปกครองได้มีคำสั่งให้ ทอท.รื้อย้ายสิ่งกีดขวางต่างๆ ออกจากโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ โดย ทอท.จะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จในวันนี่

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม

ขณะที่ประเด็นของการอนุญาตก่อสร้างทางเชื่อมบนถนนทางหลวง หมายเลข 307 เบื้องต้นยังพิสูจน์ทราบไม่ได้ว่าอยู่ในกรรมสิทธิ์ของหน่วยงานใด เพราะพบว่ามีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึง 4 หน่วยงาน ประกอบไปด้วย กรมธนารักษ์ ทอท. กรมทางหลวง (ทล.) และ ทย.

ดีงนั้นที่ประชุมจึงแต่งตั้งให้ นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน เพื่อหารือร่วมระหว่าง 4 หน่วยงานให้ได้ข้อสรุปอีกครั้งในช่วงสัปดาห์หน้า โดยภายหลังได้ข้อสรุป และทางเซ็นทรัลจะต้องดำเนินการขออนุญาตให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป

ส่วนประเด็นผลกระทบความปลอดภัยทางการบิน ถือเป็นหน้าที่ของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) โดยพบว่าปัจจุบันมีกฎหมายตาม พ.ร.บ.การเดินอากาศ บังคับใช้เพียงการกำหนดความสูงของอาคารที่ก่อสร้างใกล้กับสนามบิน จะต้องไม่สูงเกินมาตรฐาน

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา กพท.ได้ดำเนินการตรวจสอบโครงการดังกล่าวแล้ว พบว่าไม่เป็นผลกระทบต่อความปลอดภัยทางการบิน ที่ประชุมจึงขอให้ กพท.เข้าตรวจสอบซ้ำอีกครั้ง เพื่อความเชื่อมั่น

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน ทราบว่าปัจจุบัน กพท.อยู่ระหว่างร่างรายละเอียดใน พ.ร.บ.การเดินอากาศ ปี 2562 ซึ่งเป็นฉบับล่าสุดที่มีผลบังคับใช้ มิ.ย.2562 โดยมีประเด็นเบื้องต้นที่ กพท.จะต้องตรวจสอบโครงการก่อสร้างใกล้เคียงสนามบิน 4 เรื่อง คือ 1. ปล่อยแสงเลเซอร์ 2. คลื่นเสีนง และคลื่นวิทยุ 3. ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไฟฟ้า แบะ 4. กิจกรรมอื่นๆ ที่ผู้อำนวยการ กพท.เป็นผู้กำหนด ซึ่งจะต้องไม่สร้างภาระให้แก่ประชาชน

“ตอนนี้กระทรวงฯ พูดถึงเรื่องกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงฯ อย่างเดียว โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยทางการบิน แต่ก็พบว่ามีกฎหมายที่บังคับใช้เรื่องเดียวในปัจจุบัน คือ การก่อสร้างอาคารที่มีความสูง ต้องผ่านมาตรฐาน ซึ่ง กพท.จะต้องไปตรวจสอบซ้ำ ส่วนเรื่องอื่นๆ ตอนนี้ กพท.ยังร่างรายละเอียดอยู่ และเตรียมส่งไปให้องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ตรวจสอบ ซึ่งยังไม่เป็นผลบังคับใช้ ดังนั้นยังไม่ถือเป็นประกาศ ยังไม่มีบทกำหนดชัดเจน”

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า แม้ว่ารายละเอียดข้อกำหนดในร่าง พ.ร.บ.การเดินอากาศ จะยังไม่แล้วเสร็จเป็นบทกำหนด แต่เบื้องต้นก็ทราบว่ามีการกำหนดคร่าวๆ แล้ว อาทิ การตรวจสอบผลกระทบเรื่องควัน ผลกระทบที่ก่อให้เกิดนก แสงไฟ และเสียง ที่ประชุมจึงขอให้ กพท.ทำหนังสือแจ้งผลตรวจสอบเรื่องความสูงไปยืนยันให้เซ็นทรัล

ขณะเดียวกันขอให้ทางเซ็นทรัล ทำหนังสือยืนยันข้อสังเกตของประกาศที่เตรียมจะบังคับใช้ด้วยว่า จะมีแนวทาง มีมาตรการป้องกันเรื่องนี้อย่างไร