- หลังพบมีอัตลักษณ์เฉพาะถิ่นไม่มีใครเลียนแบบได้
- หวังสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้า-ยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชน
- หนุนเศรษฐกิจฐานรากให้เดินหน้าอย่างเข้มแข็ง
นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการลงพื้นที่จ.นครราชสีมา เพื่อเร่งผลักดันนโยบายปลุกเศรษฐกิจฐานรากว่า ได้สั่งการให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาเร่งส่งเสริมการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาให้กับชุมชนและภาคธุรกิจ โดยเฉพาะการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าอัตลักษณ์พื้นถิ่น
ด้วยการคุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (จีไอ) ที่จะช่วยสร้างจุดเด่นและยกระดับสินค้าชุมชนของไทยให้มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น และส่งผลให้ชุมชนผู้ผลิตมีรายได้จาดการขายสินค้าตีไอสูงขึ้นได้
“สินค้าจีไอ ถือเป็นของดี หายาก เพราะจะผลิตได้เฉพาะในท้องถิ่นใดท้องถิ่นหนึ่งเท่านั้น ดังนั้น หากผลักดันให้มีสินค้าตีไอเพิ่มขึ้น จะช่วยสร้างมูลค้าสินค้าให้สูงขึ้น ทำให้ชุมชนที่เป็นเจ้าของสินค้า และผู้ผลิตมีรายได้สูงขึ้น ช่วยยกระดับคถณภาพชีวิตให้ดีขึ้นได้ และส่งผลต่อเนื่องให้เศรษฐกิจฐานรากขยายตัวได้มากขึ้นได้”
สำหรับจังหวัดนครราชสีมา ล่าสุด มีสินค้าที่ขึ้นทะเบียนจีไอแล้ว 6 สินค้าได้แก่เส้นไหมไทยพื้นบ้านอีสาน กาแฟดงมะไฟ ไวน์เขาใหญ่ ข้าวหอมมะลิทุ่งสัมฤทธิ์ กาแฟวังน้ำเขียว และเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน แต่จากเยี่ยมชมแหล่งผลิตสินค้าผ้าไหมปักธงชัย ในชุมชนกลุ่มหัตถกรรมผ้าไหมบ้านดู่ ซึ่งเป็นสินค้าอัตลักษณ์พื้นถิ่นสำคัญของจังหวัดนครราชสีมา เห็นว่ามีศักยภาพจะนำมาขึ้นทะเบียนเป็นสินค้าจีไอได้ เนื่องจากสินค้าดังกล่าวยังคงรักษาวัฒนธรรมการทอผ้าไหมที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ มีกรรมวิธีการทอที่ซับซ้อน ต้องอาศัยช่างทอที่มีฝีมือประณีต และพิถีพิถันทุกขั้นตอน
นอกจากนี้ ยังมีการคัดสรรเส้นไหมคุณภาพดี ที่เกิดจากกระบวนการย้อมสีจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ครั่ง คราม เปลือกมังคุด เปลือกมะพูด แก่นแข แก่นฝาง ซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้ได้ผ้าไหมที่มีความสวยงาม เป็นมันวาว คุณภาพดี และได้รับตราสัญลักษณ์พระราชทาน “นกยูงสีน้ำเงิน” เป็นเครื่องการันตี ซึ่งกรมทรัพย์สินทางปัญญาพร้อมผลักดันให้เป็นสินค้าจีไอ เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากของจังหวัดให้เข้มแข็งต่อไป
++ทั้งนี้ ปัจจุบันมีการขึ้นทะเบียนจีไอแล้ว 111 สินค้าจาก 71 จังหวัด และคาดว่าจะขึ้นทะเบียนครบทั้ง 77 จังหวัด ตามโครงการ 1 จังหวัด 1 สินค้าจีไอ ได้ในเร็วๆ นี้
