“วิษณุ”ไม่หนักใจติดโผอภิปรายไม่ไว้วางใจเชื่อ”สุจริต-ปัญญา”กำบัง


นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี 4 คน ซึ่งมีนายวิษณุเป็นหนึ่งในผู้ที่จะถูกอภิปรายด้วยว่า ไม่หนักใจ เพราะเป็นเรื่องที่แต่ละบุคคลต้องเตรียมความพร้อมจะชี้แจง แต่ขณะนี้ยังไม่ได้เตรียมการใด ๆ เพราะยังมีเวลา อีกทั้งไม่กังวลประเด็นที่จะถูกอภิปราย เมื่อฝ่ายค้านสอบถามประเด็นใดมาจะชี้แจงตามระเบียบ ซึ่งประเด็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะแตกต่างกับการตั้งกระทู้ถาม เพราะอาจจะมีการใช้โวหารพาดพิงหรือกล่าวถึงเรื่องอื่น ๆ นอกเหนือจากประเด็นที่ตั้งไว้ ซึ่งถือเป็นเทคนิคของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และท้ายสุดจะนำไปสู่การลงมติไม่ไว้วางใจ 

“ผมไม่หนักใจ เพราะเชื่อในหลัก 4 ข้อ คือ ใช้ความรู้  ใช้ความสุจริต ใช้ปัญญา และใช้สติ ซึ่งโคลงสุภาษิตพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ความว่า ความรู้คู่เปรียบด้วย  กำลัง กายเฮย  สุจริตคือเกราะบัง  ศาสตร์พ้อง ปัญญาประดุจดัง  อาวุธ กุมสติต่างรู้โล่ห์ป้อง  อาจแกล้วกลางสนาม ซึ่งผมมองว่าประโยคที่สำคัญที่สุดคือการกุมสติต่างรู้ “ นายวิษณุ กล่าว

นายวิษณุ กล่าวว่า การที่มีชื่อจะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่ได้เกินความคาดการณ์ เพราะถือเป็นเรื่องธรรมดา เนื่องจากเมื่ออยู่กลางฝนก็ต้องเปียกฝน อยู่กลางแดดก็ต้องร้อน 

ส่วนกรณีการคำนวณคะแนน ส.ส. ภายหลัง 4 ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ถูกขับออกจากพรรคว่า อยากให้สอบถามเรื่องนี้กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เพราะเป็นผู้วินิจฉัยเบื้องต้น หากไม่เชื่อคำวินิจฉัยของกกต. จะนำเรื่องนี้ส่งศาลรัฐธรรมตีความ ซึ่งถือว่าเป็นไปตามขั้นตอนของกฏหมาย ทั้งนี้ ตามหลักกฏหมายแล้ว การจะคำนวณคะแนนเลือกตั้งใหม่ต้องมีสาเหตุมาจากการทุจริต ซึ่งก่อนหน้านี้นายอุดม รัฐอมฤต อดีตกรรมการร่างธรรมนูญ(กรธ.) เคยระบุว่าไม่นำคะแนนของทั้ง 4 ส.ส.มาคำนวณใหม่ เนื่องจากยังมีสถานะส.ส. เพียงแต่พ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคอนาคตใหม่เท่านั้น ซึ่งการจะคำนวณคะแนนใหม่ ต้องเป็นลักษณะของการพ้นจากตำแหน่งที่มาจากการทุจริตเลือกตั้ง ดังนั้นการขับออกหรือยุบพรรค จึงไม่ต้องนำมาคำนวณคะแนนใหม่ แต่ถ้ายังติดใจต้องสอบถามไปที่กกต.จะให้คำตอบได้ดีที่สุด 

นายวิษณุ ปฏิเสธแสดงความเห็นกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต(ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ในคดีทุจริตสร้างสนามฟุตซอลที่จังหวัดนครราชสีมา ว่า ยังไม่ทราบเรื่องนี้