“วิรไท” แจงชัด พ.ร.ก. ที่ ธปท.เสนอ ไม่ควรเรียกว่าเป็น พ.ร.ก. กู้เงิน

  • ชี้หัวใจของ พ.ร.ก. ทั้งสองฉบับคือการให้อำนาจ ธปท.
  • เพื่อเข้าไปบริหารจัดการสภาพคล่องได้ตรงจุด

ผู้สื่อข่าวรายว่า นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟสบุ๊กส่วนตัว : Veerathai Santiprabhob โดยมีรายละเอียดกล่าวถึงการอภิปรายในสภาสผู้แทนราษฎร ถึงประเด็น พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับ ของรัฐบาล โดยมีเนื้อหาดังนี้

ได้ยินหลายท่านอภิปรายในสภาว่า รัฐบาลเสนอ พ.ร.ก. กู้เงิน 3 ฉบับ รวม 1.9 ล้านล้านบาท

ขอเรียนยืนยันอีกครั้งนะครับว่า พ.ร.ก. ที่ ธปท. เสนอ “ไม่” ควรเรียกว่าเป็น พ.ร.ก. กู้เงิน เพราะหัวใจของ พ.ร.ก. ทั้งสองฉบับคือการให้อำนาจ ธปท. เข้าไปบริหารจัดการสภาพคล่องได้ตรงจุด

เมื่อครบเวลาสองปี เงินที่ ธปท. ปล่อย soft loans ผ่านสถาบันการเงินไปให้ SMEs สถาบันการเงินก็ต้องเอากลับมาคืน ธปท.

ส่วนเงินที่ ธปท. จะลงทุน ผ่านกองทุน BSF เป็นการให้ bridge financing ชั่วคราว เมื่อครบกำหนดก็เอาเงินกลับมาคืน ธปท. (ธปท. ถึงต้องเน้นเรื่องคุณภาพของตราสารที่กองทุน BSF เข้าไปลงทุน เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย)

ทั้งกลไกของ soft loans และกองทุน BSF ไม่ใช่การกู้เงิน 900,000 ล้านบาทมาใช้จ่าย หรืออีกนัยหนึ่ง ไม่ได้สร้างภาระการคลัง 900,000 ล้านบาท หรือไม่ได้สร้างภาระภาษี 900,000 ล้านบาทให้ลูกหลานเหมือนกับที่หลายท่านกังวล

ทั้งสองกลไกอาจจะสร้างภาระการคลังในอนาคตได้บ้าง ถ้าสินเชื่อ soft loans ที่ปล่อยให้ SMEs จำนวนมากเกิดกลายเป็นหนี้เสีย หรือตราสารหนี้ที่กองทุน BSF เข้าไปลงทุนไม่ได้รับชำระหนี้คืน ซึ่งตาม พ.ร.ก. แล้วรัฐบาลจะชดเชยความเสียหายให้เพียงบางส่วนเท่านั้น

ธปท. ตระหนักดีว่าทั้งสองกลไกที่ ธปท. เสนอไม่พึงสร้างภาระการคลังให้กับคนไทยในอนาคต จึงต้องมีเงื่อนไขด้านคุณภาพอย่างรัดกุมทั้งการปล่อยสินเชื่อผ่าน soft loans และการลงทุนผ่านกองทุน BSF