รัฐมนตรีเอเปกชง “ผู้นำ” ขับเคลื่อนเขตการค้าเสรี

  • ย้ำเอเปกต้องเสรี-เปิดกว้างด้านการค้า ลงทุน
  • พร้อมผลักดัน “เป้าหมายกรุงเทพด้านบีซีจี” กู้เศรษฐกิจ
  • ส่งมอบให้สหรัฐฯเจ้าภาพเอเปก 2023 ผลักดันต่อ

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการประชุมรัฐมนตรีเอเปกปี 65 ที่ตนเป็นประธานร่วมกับนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.การต่างประเทศว่า ที่ประชุมมีฉันทามติร่วมกันในการขับเคลื่อนเป้าหมายกรุงเทพด้านบีซีจี ซึ่งจะเสนอให้การประชุมผู้นำวันที่ 19 พ.ย.นี้พิจารณาต่อไป นอกจากนี้ เห็นพ้องในการขับเคลื่อนความร่วมมือเอเปกไปสู่เป้าหมายการจัดตั้งความตกลงการค้าเสรีเอเปกในอนาคต 

“ที่ประชุมเห็นพ้องการเปิดกว้างด้านการค้า การลงทุน, เห็นพ้องขับเคลื่อนการจัดตั้งเอฟทีเอเอเปกในอนาคต, สนับสนุนการค้าพหุภาคีโดยมีองค์การการค้าโลกเป็นศูนย์กลาง โดยให้สรุปประเด็นที่ยังค้างคาในการหารือให้จบ เห็นพ้องเร่งสร้างขีดความแข่งขันด้านบริการเอเปก ทั้งท่องเที่ยวว ขนส่ง เห็นพ้องร่วมกันที่จะผลักดันให้สตรี ไมโครเอสเอ็มอี และกลุ่มเปราะบางมีส่วนร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และใช้ประโยชน์จากเศรษฐกิจดิจิทัล รวมถึงเห็นพ้องสนับสนุนแนวคิดการค้าสู่ความยั่งยืนทั้งด้านการค้า และบริการ” 

ด้านนายวิชาวัฒน์ อิศรภักดี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า สาระสำคัญที่ประชุมหารือถึงสถานการณ์ราคาพลังงานที่อยู่ในระดับสูง ความมั่งคงด้านอาหาร รวมถึงปัญหาซัพพลายเชนหยุดชะงักในช่วงโควิด โดยมองว่าปัญหาดังกล่าวสามารถนำหลักการ BCG ได้เเก่ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว มาเป็นหลักการเพื่อกำหนดกรอบการทำงาน ทั้งเพื่อแก้ปัญหาปัจจุบันและความท้าทายใหม่ในอนาคต โดยในประเด็น BCG ที่ได้เริ่มต้นขึ้นที่ประเทศไทย จะถูกนำไปสานต่อในการประชุม APEC ครั้งหน้าในปี 66 ที่สหรัฐฯเป็นเจ้าภาพ เพื่อให้เกิดผลต่อไป 

นอกจากนี้  ที่ประชุมเห็นว่าควรถอดบทเรียนจากโควิดเพื่อสร้างระบบการเชื่อมโยงกันในภูมิภาคที่ปลอดภัยแต่ไร้พรมแดน โดยไม่เน้นเฉพาะปัญหาโควิดเท่านั้น แต่รวมถึงปัญหาต่างๆที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต อีกทั้งยังเห็นด้วยถึงการเดินหน้าเชื่อมโยงด้านดิจิทัล ทั้งเพื่อสร้างการพัฒนาอย่างต่อเนื่องสำหรับผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม(SMEs)และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ แต่ได้ให้ความเห็นเพิ่มว่าควรมีความยืดหยุ่นในแผนการพัฒนาที่มากขึ้น