รัฐบาลเข้าอกเข้าใจลูกหนี้!ครม.ไฟเขียวแก้กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลดอัตราดอกเบี้ยกู้ยืม-ดอกเบี้ยผิดนัดชำระ

  • ปิดทางเจ้าหนี้ประวิงเวลาฟ้องคดี
  • ให้คิดจากเงินต้นเฉพาะงวดที่ผิดนัดเท่านั้น

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่..) พ.ศ…. ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่กำหนดไว้ในมาตรา 7 และ มาตรา 224 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้ใช้บังคับมาเป็นเวลานานตั้งแต่ปี พ.ศ.2468 หรือ 95 ปี ซึ่งไม่สอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยในสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน เพื่อเป็นการช่วยลดภาระของลูกหนี้จากการชำระดอกเบี้ยในอัตราที่สูงเกินควร โดยเฉพาะลูกหนี้ที่มีภาระหนี้สินจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และปรับปรุงกฎหมายให้ทันสมัย

ทั้งนี้ จากความล้าสมัยของกฏหมายปัจจุบันที่กำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ 7.5 % ต่อปีนี้ ส่งผลให้เกิดปัญหาต่างๆ อาทิลูกหนี้ได้รับความเดือดร้อนจากภาระดอกเบี้ยที่สูงเกินควร ส่งผลให้เกิดการประวิงเวลาฟ้องคดีของเจ้าหนี้เพื่อหาประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยในกกหมายที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ และเจ้าหนี้บางรายอาศัยความไม่ชัดเจน กำหนดให้ลูกหนี้เมื่อผิดนัดงวดใดงวดหนึ่ง ต้องจ่ายดอกเบี้ยบนเงินต้นทั้งหมด สร้างความเหลื่อมล้ำและไม่เป็นธรรมและ และมีผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศโดยภาพรวม

ดังนั้น ครม.จึงมีมติเห็นชอบปรับปรุงอัตราดอกเบี้ย ประกอบด้วย 1.อัตราดอกเบี้ยที่ไม่ได้กำหนดไว้ก่อนโดยนิติกรรมหรือโดยบทกฏหมายอันชัดแจ้ง (แก้ไข มาตรา 7) โดยปรับลดจากอัตรา 7.5% ต่อปี เป็นอัตรา 3 % ต่อปี ซึ่งกระทรวงการคลัง จะทบทวน ทุก 3 ปี ให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ 2.อัตราดอกเบี้ยผิดนัด (แก้ไข มาตรา 224) โดยปรับลดจาก 7.5% ต่อปี เป็นอัตรา 5% ต่อปี ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่ปรับลดลงนี้ เป็นอัตราที่กำหนดตามมาตรา 7 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 3% ต่อปี บวกด้วยอัตราเพิ่ม 2% ต่อปี 3.กำหนดฐานการคำนวณดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ เมื่อลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระหนี้ในงวดใดงวดหนึ่ง เจ้าหนี้คำนวณดอกเบี้ยผิดนัดได้ เฉพาะจากเงินต้นของงวดที่ลูกหนี้ผิดนัดแล้วเท่านั้น จากเดิมที่มาตรา 224/1 ไม่ได้กำหนดไว้ ส่งผลให้เจ้าหนี้คิดดอกเบี้ยจากเงินต้นที่ค้างอยู่ทั้งหมด

สำหรับขั้นตอนต่อไปจะประสานงานทางสภาผู้แทนราษฎรโดยเร่งด่วน เพื่อรับร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้เข้าสู่กระบวนการพิจารณา และคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายในปีนี้ เมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้แล้ว จะเป็นโยชน์อย่างยิ่งในการช่วยให้ลูกหนี้ได้รับความเป็นธรรมในการจ่ายดอกเบี้ย ป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ใช้วิธีประวิงการฟ้องคดี เพื่อเรียกดอกเบี้ยตามกฎหมายที่สูงเกินควร และป้องกันไม่ให้ลูกหนี้ต้องแบกภาระดอกเบี้ยในหนี้ที่ยังไม่ได้ผิดนัด