- ตลาดพื้นที่พาณิชยกรรมยังคงเติบโตต่อเนื่องกลุ่มที่น่าจับตามองคือธุรกิจฟิตเนส
- หลังเติบโตรองรับเทรนด์การดูแลสุขภาพทุกเพศทุกวัยมากขึ้น
- พบเทรนด์ฟิตเนสยุคใหม่เน้นการกระจายตัวในวงกว้างมากกว่าการเปิดสาขาใหญ่เพียงสาขาเดียว
- เผยทำเลที่เช่ายอดฮิตคือห้างสรรพสินค้าและอาคารสำนักงาน
นายธีระวิทย์ ลิ้มทองสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทเน็กซัส เรียลเอสเตท แอ็ดไวเซอรี่ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดพื้นที่พาณิชกรรมยังคงดีอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดพื้นที่ศูนย์การค้าในย่านใจกลางเมืองเช่นสยามราชประสงค์และพร้อมพงษ์ยังคงดีอย่างต่อเนื่องโดยเฉลี่ยในช่วงครึ่งปีแรก(ม.ค.-มิ.ย.2562)พบว่าทำเลดังกล่าวยังคงมีอัตราเช่าสูงที่ประมาณ95%โดยหมวดหลักคือกลุ่มผู้ประกอบการด้านอาหารและเครื่องดื่มเนื่องจากกลุ่มนี้ยังคงเป็นกลุ่มที่สร้างจุดขายให้กับห้างได้เป็นอย่างดี
ขณะเดียวกันอีกเทรนด์หนึ่งที่น่าจับตามองไม่แพ้กันคือเทรนด์การรักสุขภาพที่กำลังเป็นที่ได้รับความสนใจและมาแรงมากในช่วง5 ปีที่ผ่านมา (ตั้งแต่ปี2557-2562) ทำให้หลายธุรกิจที่เกี่ยวข้องอาทิธุรกิจรองเท้าเสื้อผ้ากีฬา, ธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพ, และธุรกิจฟิตเนสเติบโตอย่างรวดเร็วตามไปด้วยและเมื่อเจาะลงไปที่ธุรกิจฟิตเนสนั้นพบว่าปัจจุบันผู้บริโภคสามารถเห็นฟิตเนสได้ในเกือบทุกที่ไม่ว่าจะเป็นคอนโดมิเนียมห้างสรรพสินค้าและอาคารสำนักงานเพื่อตอบสนองความต้องการและการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป
“ฟิตเนสถือเป็นผู้เช่ารายใหญ่(แองเคอร์) ของตลาดพื้นที่ศูนย์การค้าในปัจจุบันเนื่องจากฟิตเนสมีความต้องการใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ส่งผลให้มีความต้องการพื้นที่เช่ามากขึ้นนอกจากนี้ยังพบว่าพฤติกรรมของผู้ที่มาใช้บริการฟิตเนสโดยเฉลี่ยจะมาใช้บริการเป็นประจำอย่างน้อย2-3 วันต่อสัปดาห์ส่งผลให้อาคารหรือห้างสรรพสินค้านั้นๆมีทราฟฟิกเพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัว” นายธีระวิทย์กล่าว
ทั้งนี้เมื่อพิจารณาถึงผู้เล่นหลักในตลาดฟิตเนสในปัจจุบันเช่นฟิตเนสเฟิร์สและเวอร์จิ้นแอคทีฟพบว่ายังมีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องโดยทั้ง2 แบรนด์เน้นจับตลาดกลุ่มบนเป็นหลักซึ่งการจับตลาดกลุ่มบนของผู้เล่นหลักนี้ส่งผลให้เกิดช่องว่างทางการตลาดของตลาดฟิตเนสระดับกลางอยู่ดังนั้นเมื่อมีช่องว่างทางการตลาดผนวกกับการไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้เกิดการเติบโตของผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามามีบทบาทสำคัญซึ่งเป็นไปตามกลไกธุรกิจโดยผู้เล่นหลักในตลาดฟิตเนสระดับกลางคือเจ็ทส์ฟิตเนส
โดยเจ็ทส์ฟิตเนสเน้นการเป็นผู้ประกอบการฟิตเนสระดับกลางโดยหนึ่งในกลยุทธ์ในการทำการตลาดคือเน้นการเช่าพื้นที่ในที่สะดวกสบายลดขนาดการใช้พื้นที่ของฟิตเนสลงจากปกติที่ฟิตเนสระดับบนจะใช้พื้นที่2,000-3,000 ตารางเมตรต่อ1 สาขาแต่สำหรับเจ็ทส์ฟิตเนสจะลดพื้นที่ลงเหลือเพียง600-1,000 ตารางเมตรแต่มาทดแทนด้วยการเปิดสาขาจำนวนมากขึ้นทำให้สามารถเปิดได้2-3 สาขาในทำเลเดียวกันเพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายของผู้ออกกำลังกายและง่ายต่อการเข้าถึง
นอกจากนี้ยังเปิดให้บริการ24 ชั่วโมงอีกด้วยซึ่งการใช้พื้นที่ที่เล็กลงยังช่วยแก้ปัญหาให้กับผู้ประกอบการในการหาพื้นที่เช่าเนื่องจากการหาพื้นที่เช่า2,000-3,000 ตารางเมตรในทำเลดีๆนั้นเป็นไปได้ยากในปัจจุบัน
นายธีระวิทย์ กล่าวว่า ด้วยกลยุทธ์การหาทำเลและการเปิดบริการแบบ24ชั่วโมงทำให้เจ็ทส์ฟิตเนสสามารถขยายสาขาได้ถึง19สาขาภายในระยะเวลาเพียง2ปี(2560-2562)ครอบคลุมทั้งในกรุงเทพฯพัทยาและโคราชโดยในปี2561สามารถขยายได้ถึง10สาขาบนทำเลศักยภาพอาทิสาขาเอฟวายไอเซ็นเตอร์,อาคารเอสพีทาวเวอร์ย่านอารีย์สำหรับในปีนี้ได้ขยายสาขาเพิ่มแล้วกว่า7สาขา
โดยในปีนี้ยังเป็นปีแรกที่ได้ขยายไปยังต่างจังหวัดคือที่พัทยาและนครราชสีมาทั้งนี้ยังมีแผนที่จะขยายเพิ่มเติมทั้งในกรุงเทพฯและหัวเมืองใหญ่อีก 15สาขาซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนการก่อสร้างและดำเนินการ
นายธีระวิทย์ กล่าว่า เน็กซัสได้รับความไว้วางใจในการเป็นตัวแทนหาพื้นที่เช่าให้กับเจ็ทส์ฟิตเนสตั้งแต่ปี2561เมื่อทางเจ็ทส์ฟิตเนสแบรนด์ฟิตเนสจากประเทศออสเตรเลียเริ่มเข้ามาบุกตลาดในประเทศไทย
ทั้งนี้ทางบริษัทยังคงทำหน้าที่สรรหาพื้นที่ที่เหมาะสมในการขยายสาขาของเจ็ทส์ฟิตเนสอย่างต่อเนื่องโดยทำเลที่สนใจคือพื้นที่รีเทลชั้น1หรือชั้น2ที่โดดเด่นสะดุดตาง่ายต่อการเข้าถึงรวมถึงทำเลที่ใกล้แนวรถไฟฟ้าและสามารถเปิดตลอด 24ขั่วโมงได้เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ซึ่งทางแบรนด์เจ็ทส์ฟิตเนสมีเป้าหมายในการขยายสาขามากถึง 100สาขาภายในปี 2567