พาณิชย์ไม่อนุญาตขึ้นราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์ม 3.30 บาท

.ยอมให้ผู้เลี้ยงขึ้นได้แค่ 10 สต.เป็น 3.20 บาท

.จากขณะนี้ขาย 3.10 บาทส่วนขายปลีกไม่เกิน 3.47 บาท

.ย้ำข้าวโพดหลังนาออกเร็วๆ นี้ช่วยราคาอาหารสัตว์ลงได้บ้าง

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่และกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ เพื่อพิจารณาสถานการณ์ราคาไข่ไก่ และข้อเสนอขอปรับขึ้นราคาไข่คละหน้าฟาร์มของผู้เลี้ยงว่า ที่ประชุม ได้ข้อสรุปจะขอให้คงราคาไข่คละหน้าฟาร์มไว้ที่ฟองละ 3.20 บาท จากปัจจุบันอยู่ที่ฟองละ 3.10 บาท แม้ผู้เลี้ยงเสนอขอขึ้นเป็น 3.30 บาท เพราะในช่วงเดือนมี.ค. แม้ต้นทุนการเลี้ยงไก่ไข่ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ฟองละ 2.94 บาท แต่กรมก็ต้องการดูแลผู้บริโภคควบคู่กันด้วย จึงขอให้ขายตามราคาประกาศเดิมที่เคยแจ้งไว้ 3.20 บาทไปก่อน

“จากการหารือร่วมกัน พบว่า ต้นทุนการเลี้ยงไก่ไข่ปรับสูงขึ้นจริงตามที่ผู้เลี้ยงได้แจ้ง และกรมปศุสัตว์ ยังยืนยันต้นทุนที่ฟองละ 2.94 บาท ซึ่งมีสาเหตุจากสภาวะอากาศร้อน ทำให้อัตราการให้ไข่ลดลง และมีขนาดเล็กลง และราคาวัตถุดิบหลายชนิดปรับตัวสูงขึ้นจากผลกระทบจากสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ดังนั้น เพื่อลดภาระของผู้เลี้ยงให้สามารถยังคงเลี้ยงต่อไปได้ และไม่เป็นภาระกับผู้บริโภคมากเกินไป จึงมีข้อตกลงร่วมกันกำหนดราคาไข่คละหน้าฟาร์มที่ไม่เกินฟองละ 3.20 บาท ในส่วนของราคาขายปลีกไข่ไก่เบอร์ 3 เฉลี่ยทั่วประเทศขณะนี้ยังอยู่ที่ 3.47 บาท ซี่งเป็นราคาที่สอดคล้องกับราคาหน้าฟาร์ม”

สำหรับสถานการณ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในอาหารไก่เนื้อและไก่ไข่นั้น ในช่วง 2-3 เดือนนี้ จะมีข้าวโพดหลังนาออกมา 700,000-800,000 ตัน จะช่วยผ่อนคลายสถานการณ์ด้านวัตถุดิบลง และผลจากการหารือร่วมกันระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 15 มี.ค.65 เพื่อแก้ปัญหาราคาวัตถุดิบและอาหารสัตว์สูงขึ้นนั้น มีความเห็นร่วมกันในการผ่อนคลายมาตรการกำหนดสัดส่วนนำเข้าข้าวสาลีและการซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศ ที่ 3 ต่อ 1 เป็นการชั่วคราว จะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยแก้ไขปัญหาสถานการณ์วัตถุดิบอาหารสัตว์ในขณะนี้ และหากสงครามผ่อนคลายลง จะช่วยให้ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ในตลาดโลกผ่อนคลายลงเร็วขึ้น