พาณิชย์ตั้งเป้าปี63ปั้น”สมาร์ทโชห่วย”ให้ได้3หมื่นราย

  • เร่งเดินหน้าปรับภาพลักษณ์ให้สวยงามทันสมัย
  • ใช้เทคโนโลยีบริหารจัดการลดต้นทุนสินค้าคงคลัง
  • พร้อมดันผู้ประกอบการค้าขายออนไลน์ให้มากขึ้น

นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการตรวจเยี่ยมและติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานตามนโยบายที่ได้มอบหมายว่า ได้รับรายงานจากกรมว่า ในงานเร่งด่วนด้านการส่งเสริมธุรกิจรายเล็กให้แข็งแรง โดยเฉพาะโครงการสมาร์ทโชห่วยนั้น ล่าสุด มีร้าโชห่วยตอบรับเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 5,000 ราย ซึ่งภายในเดือนธ.ค.นี้ กรมจะเดินหน้าปรับภาพลักษณ์ร้านโชห่วยเหล่านั้นให้ทันสมัย ดึงดูดลูกค้า ช่วยส่งเสริมการขยายบริการเสริม นำสินค้าชุมชนมาจำหน่ายภายในร้านให้มากขึ้น และช่วยในการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยบริหารจัดการร้านค้าให้เป็นระบบ คาดว่า จะช่วยลดต้นทุนสินค้าคงคลังให้ร้านโชห่วยได้มากถึง 5-10%

”ในปี 63 ตั้งเป้าหมายพัฒนาร้านโชห่วยทั่วประเทศให้เป็นสมาร์ทโชห่วย ที่มีรูปแบบร้านค้าที่ทันสมัย มีการใช้เทคโนโลยีในการบริหารจัดการร้านค้าให้เป็นระบบ ให้ได้ 30,000 ราย ปัจจุบันเป็นสมาร์ทโชห่วยแล้ว 7,000 ราย จากจำนวนโชห่วยทั้งประเทศราว 400,000 ราย”

นอกจากนี้ ยังจะช่วยเพิ่มช่องทางการตลาดให้กับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างการผลักดันความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์ไทยและจีนในการจัดทำบันทึกความร่วมมือด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อส่งเสริมการค้าแบบทวิภาคี และนำสินค้าไทยเข้าสู่แพลตฟอร์ม e-Marketplace ของจีน โดยได้รับรายงานว่า กำลังรอผลการพิจารณาจากกรมสนธิสัญญาระหว่างประเทศและกฎหมาย ก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติต่อไป รวมถึงกรมยังได้จัดทำโครงการ Young Digital Warrior เพื่อป้อนธุรกิจเข้าสู่ช่องทางตลาดออนไลน์ โดยได้ให้ความรู้ด้านการทำธุรกิจอี-คอมเมิร์ซกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ไปแล้ว 1,500 รายทั่วประเทศ

ส่วนงานด้านการอำนวยความสะดวกให้กับภาคธุรกิจนั้น ล่าสุด กรมได้ลดขั้นตอนและระยะเวลาในการจดทะเบียนธุรกิจให้เร็วขึ้น โดยได้ควบรวมขั้นตอนการจดทะเบียนจาก 3 ขั้นตอน คือ การจดทะเบียนธุรกิจ การขึ้นทะเบียนนายจ้างลูกจ้าง และการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม มาไว้ในขั้นตอนเดียว ทำให้ผู้ประกอบการสามารถจดทะเบียนทั้งหมดได้ตั้งแต่ขั้นตอนการยื่นจดทะเบียนที่หน่วยให้บริการของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ และยังลดระยะเวลาการจองชื่อนิติบุคคลจากเดิม 20 นาทีทราบผลว่าชื่อที่จองไว้ใช้ได้ หรือซ้ำกับชื่อนิติบุคคลที่มีอยู่แล้วหรือไม่ มาเหลือเพียง 2 นาทีเท่านั้น คาดว่า การให้บริการทั้ง 2 ด้าน จะเริ่มได้ในปี 63