พาณิชย์ตรวจนอมินี 200 บริษัทต่างชาติถือหุ้น

  • บุกตะลุยย่านเยาวราช ห้วยขวาง รัชดา
  • เน้นธุรกิจเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว
  • หวังป้องกันคนไทยเป็ฯนอมินีต่างชาติ

นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาต่างชาติใช้คนไทยถือหุ้นแทน (นอมินี) เพื่อหลบเลี่ยงทำธุรกิจภายใต้พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวพ.ศ.2542 โดยไม่ขออนุญาตว่า เมื่อ เร็วๆ นี้ ได้สั่งการให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ตรวจสอบการจดทะเบียนบริษัทห้างร้าน อย่างเข้มงวด โดยให้ตรวจสอบข้อมูลการขอจดทะเบียน รวมทั้งสังเกตพฤติกรรมของผู้ยื่นจดทะเบียนด้วยว่า มีความน่าเชื่อถือและสอดคล้องกับเงินทุนที่ยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทใหม่หรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างทุนสีเทา รวมถึงเน้นย้ำให้เข้มงวดตรวจสอบในทุกพื้นที่ ไม่เฉพาะแต่จังหวัดใหญ่ หรือเมืองท่องเที่ยวเท่านั้น

“ขณะนี้ การท่องเที่ยวของไทยฟื้นแล้ว จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยจำนวนมาก นอมินีมักจะมาพร้อมกับการท่องเที่ยว จึงต้องตรวจสอบในทุกพื้นที่ ทุกจังหวัด ทั้งเมืองรองด้วย ไม่ใช่ตรวจสอบเข้มงวดแค่เมืองใหญ่ๆ หรือเมืองท่องเที่ยวเท่านั้น”

ด้านนายจิตรกร ว่องเขตกร รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา ที่มีข่าวทุนสีเทาจากจีนเข้ามาทำธุรกิจในไทยมากขึ้น เช่น ร้านอาหารในย่านเยาวราช หรือห้วยขวางนั้น กรมได้ดำเนินการตรวจสอบธุรกิจที่มีคนต่างชาติร่วมถือหุ้น ไม่เฉพาะแค่ชาวจีนถือหุ้นเท่านั้น โดยเน้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ทั้งภัตตาคาร/ร้านอาหาร ที่พัก/โรงแรม รถเช่า ร้านขายของที่ระลึก ธุรกิจนวด/สปา เป็นต้น ในย่านเยาวราช สัมพันธวงศ์ รัชดา ห้วยขวาง รวมประมาณ 200 บริษัท เพื่อป้องกันนอมินี แต่ไม่ได้หมายความว่า ทั้ง 200 รายเข้าข่ายนอมินี

สำหรับการตรวจสอบ จะดูว่าประกอบธุรกิจอะไร ถ้าเป็นธุรกิจที่อยู่ในบัญชีแนบท้าย 1, 2 เป็นธุรกิจต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าวอยู่แล้ว จะทำธุรกิจเหล่านี้ไม่ได้ ส่วนบัญชี 3 ที่จะต้องขออนุญาตก่อน ได้ขออนุญาตหรือไม่ ถ้าไม่ได้ขอ ถือว่าผิดกฎหมาย รวมถึงดูสัดส่วนการถือหุ้น การมีอำนาจบริหารจัดการ งบการเงิน ถ้าในงบการเงินระบุว่าประกอบธุรกิจในบัญชีแนบท้าย ก็เป็นข้อบ่งชี้ได้ว่า อาจเข้าข่ายเป็นนอมินี

“การตรวจสอบต้องใช้ระยะเวลา ต้องทำอย่างละเอียด รอบคอบ ซึ่งจากการตรวจสอบ บางบริษัท กรมได้ขอให้ส่งเอกสารหลักฐานมาให้ตรวจสอบเพิ่มเติม โดยจะให้เวลาส่งข้อมูลมาให้ชี้แจงภายใน 15 วัน ถ้าพบว่า เข้าข่ายนอมินี กรมจะส่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้ตรวจสอบเชิงลึกต่อไป”

นายจิตกร กล่าวว่า ปัญหานอมินีมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะภาคการท่องเที่ยวเริ่มกลับมาฟื้นตัวหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ประกอบกับ การเปิดประเทศของจีน ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยจำนวนมากขึ้น กรมจึงจะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินหน้าตรวจสอบนอมินีต่อไป หลังจากที่ได้ตรวจสอบมาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา โดยเน้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว และอสังหาริมทรัพย์ และเน้นในจังหวัดท่องเที่ยว เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา หัวหิน ฯลฯ โดยการตรวจสอบที่ผ่านมา พบเข้าข่ายเป็นนอมินีหลายราย และได้ส่งดำเนินคดีแล้ว