พาณิชย์จัดงานยักษ์ลดราคาสินค้าเป็นของขวัญปีใหม่ประชาชน

  • จับมือผู้ผลิต-ห้าง-ร้านสะดวกซื้อกว่า2หมื่นสาขาทั่วประเทศ
  • นำสินค้าทุกหมวดทั้งของกินของใช้ลดราคาขายสูงสุด70%
  • เตรียมเงินช้อปกันยาวๆ30วันตั้งแต่14ธ.ค.62-12ม.ค.63

นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ให้ประสานผู้ผลิตสินค้า ผู้ประกอบการห้างค้าปลีก ค้าส่ง ห้างสรรพสินค้า ผู้ประกอบการทั่วไป นำสินค้ามาลดราคาขายระหว่าง 10-70% ภายในงานลดราคาสินค้าในช่วงเทศกาลปีใหม่ระหว่างวันที่ 14 ธ.ค.62-12 ม.ค.63 เพื่อเป็นของขวัญ และช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ซึ่งล่าสุด ได้รับการยืนยันจากผู้ผลิตยางรถยนต์ 8 ราย จะนำสินค้ายางรถยนต์มาลดราคาขายไม่ต่ำกว่า 20% ได้แก่ บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท กู๊ดเยียร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัท คอนติเนนทอล ไทรส์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท อินนิเชียล ไทร์ แอนด์ แอ็คเซสซอรี่ จำกัด, บริษัท บี-ควิก จำกัด, บริษัท โอตานิ เรเดียล จำกัด, บริษัท ป สยามอุตสาหกรรมยาง จำกัด และบริษัท มิชลินประเทศไทย จำกัด

นอกจากนี้ ห้างค้าปลีก-ค้าส่ง ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าปลีกท้องถิ่น เข้าร่วมด้วยกว่า 20,000 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งสินค้าที่จะนำมาลดราคามีทุกหมวด ตั้งสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป อาหาร เฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน วัสดุก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องครัว เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย ชุดเครื่องนอน เครื่องเขียน เครื่องสำอาง เป็นต้น

”งานครั้งนี้จะจัดอย่างยิ่งใหญ่ และมีระยะเวลาการจัดงานนานกว่าทุกปี เพราะมีผู้ประกอบการนำสินค้ามาร่วมลดราคามากขึ้น และจัดงานนานถึง 30 วัน จากปีที่ผ่านๆ มาประมาณ 15 วันเท่านั้น ซึ่งจะช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ที่ต้องการซื้อของขวัญ ของชำร่วยในช่วงเทศกาลปีใหม่ได้เป็นอย่างดี จึงขอเชิญชวนประชาชน เตรียมตัวซื้อของขวัญ ของชำร่วยในช่วงการจัดงานดังกล่าวได้ทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม วันที่ 13 ธ.ค.นี้ รมว.พาณิชย์”

นายวิชัย กล่าวต่อถึงสถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในขณะนี้ว่า ยังอยู่ในภาวะทรงตัว ไม่มีสินค้ารายการใดขอปรับขึ้นราคาเข้ามายังกรม เพราะต้นทุนการผลิตยังไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ส่วนการจะปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอีกวันละ 5-6 บาททั่วประเทศ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.63 นั้น จากการวิเคราะห์โครงสร้างต้นทุน พบว่า จะมีผลทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้นน้อยมากเพียง 0.006-0.6% เท่านั้น โดยสินค้าที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ ชุดนักเรียน ที่ใช้แรงงานคนในการผลิต และสินค้าที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุดคือ ยาสีฟัน ดังนั้น ผู้ประกอบการอย่านำมาเป็นข้ออ้างปรับขึ้นราคาขายโดยเด็ดขาด