ผลประกอบการบริษัทใหญ่ร่วง ฉุดดาวโจนส์ปิดลาดลบ 28.42 จุด

  • นักลงทุนซื้อขายหุ้นรับผลประกอบการ
  • หุ้นทวิสเตอร์-อีเบย์ลงหนัก เทสลาขึ้นแรง
  • จับตาตัวเลขการใช้จ่าย-ซื้อบ้านใหม่ออกมาไมดี

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 24 ต.ค.ที่ 26,805.53 จุด ลดลง 28.42 จุด หรือ -0.11% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,010.29 จุด เพิ่มขึ้น 5.77 จุด หรือ +0.19% และดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิท ปิดที่ 8,185.80 จุด เพิ่มขึ้น 66.00 จุด หรือ +0.81%

นักลงทุนผิดหวัง ผลประกอบการของบริษัท 3M ซึ่งเป็นบริษัทอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ ซึ่วเปิดเผยรายได้ที่ต่ำกว่าคาด อันเนื่องมาจากผลกระทบของสงครามการค้าและการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน โดยยังลดประมาณการรายได้ในอนาคตลงและประกาศปลดพนักงานไปช่วงก่อนหน้า โดยปิดตลาดลดลงกว่า4%

ขณะที่ทวิตเตอร์เปิดเผยรายได้ที่ต่ำกว่าคาดเช่นกัน ฉุดราคาหุ้นทวิตเตอร์ปิดตลาดร่วงลงกว่า 20% หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ดิ่งลง 6.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิไตรมาส 3 ทรุดตัวลงเกือบ 60% เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างบริษัท และยอดขายรถรุ่นใหม่ที่ชะลอตัวลง

หุ้นอีเบย์ ร่วงลง 9.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์รายได้สุทธิในไตรมาส 4 ที่ระดับ 2.77-2.82 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 2.85 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากอีเบย์เผชิญกับการแข่งขันที่ดุเดือดจากบรรดาขู่แข่งอย่างอเมซอน และวอลมาร์ท

อย่างไรก็ดี ผลประกอบการที่สดใสของบริษัทเทคโนโลยี ซึ่งรวมถึงไมโครซอฟท์ ช่วยพยุงดัชนีไว้บ้าง

หุ้นเพย์พาล พุ่งขึ้น 8.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้เพิ่มขึ้นแข็งแกร่งถึง 19% ในไตรมาส 3

หุ้นเทสลา ทะยานขึ้น 17.6% หลังจากบริษัทเปิดกำไรไตรมาส 3 ที่ระดับ 80 เซนต์ต่อหุ้น สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าบริษัทจะขาดทุน 46 เซนต์ต่อหุ้น

นักลงทุนยังกังวลต่อข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยออกมา กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ดิ่งลง 1.1% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.

ขณะที่ ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย.ของสหรัฐลดลง 0.7% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 701,000 ยูนิต สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

ส่วนกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 6,000 ราย สู่ระดับ 212,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 215,000 ราย