ประชาชนต้องปลอดภัย…ครม. ผ่านร่างกฏกระทรวง กำหนดภาชนะพลาสติกอุ่นไมโครเวฟ ต้องได้มาตรฐาน มอก.

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวานนี้ (4 พ.ย.64) ว่า สืบเนื่องจากปัจจุบันนี้ ประชาชนนิยมนำพลาสติกบรรจุอาหารมาใช้กับเตาไมโครเวฟ ซึ่งภาชนะพลาสติกบรรจุอาหารบางประเภทเหมาะสำหรับใช้อุ่นอาหารเพียงครั้งเดียว หากนำกลับมาใช้ซ้ำโดยอุ่นในเตาไมโครเวฟ จะทำให้สารเติมแต่งที่สร้างความคงทนในภาชนะพลาสติกแพร่กระจายปนเปื้อนสู่อาหาร และก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้ 

ดังนั้น ครม.จึงอนุมัติร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมภาชนะพลาสติกบรรจุอาหารสำหรับเตาไมโครเวฟ สำหรับการอุ่น ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมภาชนะพลาสติกบรรจุอาหารสำหรับการอุ่นด้วยเตาไมโครเวฟที่มีคุณภาพ และปราศจากสารเคมีปนเปื้อน อันจะเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคให้มีความปลอดภัยและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่ประชาชน สำหรับสาระสำคัญของร่างกฎกระทรวงมีดังนี้

1.กำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมภาชนะพลาสติกบรรจุอาหารสำหรับเตาไมโครเวฟ สำหรับการอุ่น ต้องเป็นไปตามมาตรฐานเลขที่ มอก. 2493 เล่ม 1-2554 ต้องมีคุณสมบัติ อาทิ 1)ภาชนะพลาสติกรวมฝา ที่ต้องสัมผัสโดยตรงกับอาหารที่อุ่นในเตาไมโครเวฟ และต้องทนอุณหภูมิได้ไม่ต่ำกว่า 100 องศาเซลเชียส 2)ผลิตจากพลาสติก 4 ชนิด คือ พอลิพรอพิลีน (PP) พอลิเอทิลีนเทเรฟแทเลต (PET) พอลิเมทิลเมทาคริเลต (PMMA) พอลิเมทิลเพนทีน (PMP) 3)สีที่ใช้พิมพ์/ผสมในเนื้อพลาสติกต้องเป็นสีชั้นคุณภาพสัมผัสอาหาร มีความปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

2.กำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมภาชนะพลาสติก บรรจุอาหารสำหรับเตาไมโครเวฟ สำหรับการอุ่นครั้งเดียว ต้องเป็นไปตามมาตรฐานเลขที่ มอก. 2493 เล่ม 2-2556 ต้องมีคุณสมบัติ อาทิ 1)ภาชนะพลาสติก ฝา และส่วนประกอบอื่นที่สัมผัสอาหาร สำหรับใช้อุ่นในเตาไมโครเวฟ ทนอุณหภูมิได้ไม่ต่ำกว่า 100 องศาเซลเชียส ทำขึ้นเพื่อใช้ครั้งเดียวจากวัสดุชั้นเดียวหรือหลายชั้น 2)ผลิตจากพลาสติก 3 ชนิด คือ พอลิพรอพิลีน (PP) พอลิเอทิลีนเทเรฟแทเลต (PET) พอลิสไตรีน (PS) 3)สีที่ใช้พิมพ์/ผสมในเนื้อพลาสติกต้องเป็นไปตาม มอก.1069 หรือเป็นสีชั้นคุณภาพสัมผัสอาหาร มีความปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ 

3.กำหนดให้ผู้นำเข้าหรือผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ภาชนะพลาสติกทั้งสองประเภท จะต้องมีการขออนุญาตทำหรือนำเข้าผลิตภัณฑ์ ส่วนผู้จำหน่ายต้องจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ได้รับใบอนุญาตและมีการแสดงเครื่องหมายมาตรฐานถูกต้องครบถ้วน หากฝ่าฝืนจะต้องได้รับโทษตามพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ.2511 และที่แก้ไขเพิ่มเติม