นายลี ได้กล่าวยกย่องรัฐถึงมาตรการการมือการแพร่ระบาดโควิด-19 ว่ามีการจัดการได้อย่างเด็ดขาด ซึ่งประเทศได้กลับมามีเสถียรภาพอและพูดถึงการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นว่าจะไม่เหมือนครั้งไหนๆ เพราะจะเลือกตั้งภายใต้บรรยากาศการแพร่ระบาดและสารพัดปัญหาที่รุมเร้า
“รัฐบาลใหม่ที่ทุกท่านจะเลือกมาทำหน้าที่ จะมีหน้าที่ตัดสินใจในเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง” นายลีกล่าวและว่า “การตัดสินใจเหล่านี้จะส่งผลต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของทุกท่าน และกำหนดทิศทางของสิงคโปร์ในอีกหลายปีต่อจากนี้ ซึ่งแน่นอนว่ารวมถึงหลังระยะเวลา 5 ปีในวาระของรัฐบาลชุดใหม่ด้วย”
ในช่วงแรกที่โควิดระบาด สิงคโปร์ได้รับคำชมว่าสามารถเอาอยู่ด้วยการตรวจเชื้อและติดตามกลุ่มเสี่ยงอย่างเข้มงวด แต่ต่อมาเกิดการระบาดในชมชนที่พักคนงานต่างด้าวค่าแรงถูกที่อยู่กันอย่างแออัด จนทำให้ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
นับถึงวันที่ 23 มิ.ย. สิงคโปร์มีจำนวนผู้ป่วยสะสมอยู่ที่กว่า 42,000 คน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าว และผู้เสียชีวิตรวมอยู่ที่ 26 คน
อย่างไรก็ตาม หลังจากการระบาดเริ่มชะลอตัวลงและทางการทยอยผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มทางสังคม พรรคกิจประชาชน (พีเอพี) ที่ปกครองสิงคโปร์มายาวนานกว่า 60 ปีจึงตัดสินใจเดินหน้าสู่การเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งตามกำหนดเดิมต้องจัดขึ้นภายในเดือน เม.ย. ปีหน้า
เป็นที่แน่นอนว่า พรรครัฐบาลพีเอพีซึ่งปัจจุบันครองเสียงข้างมากในสภาอยู่ 82 ที่นั่งจากทั้งหมด 88 ที่นั่ง จะชนะการเลือกตั้งอีกครั้ง แต่การจัดเลือกตั้งช่วงที่ประเทศเพิ่งฟื้นจากโรคระบาดก็มีความเสี่ยงสูงในทางการเมือง เพราะยังไม่ชัดเจนว่า สถานการณ์นี้จะช่วยกระตุ้นหรือลดทอนเสียงสนับสนุนของรัฐบาล
