นายกรัฐมนตรีย้ำพร้อมส่งเครื่องบินไปอู่ฮั่นขนคนไทยกลับบ้านเร็วๆนี้

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 29 มกราคม 2563 ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานด่านควบคุมโรคท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข , นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม และผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รอให้การต้อนรับ

ทั้งนี้เมื่อเดินทางไปถึง นายกฯได้กล่าวทักทายประชาชนและสื่อมวลชนสั้นๆ​ ว่า​ เราต้องให้ความเชื่อมั่นกับทางจีนเขา​ เพราะเป็นต้นทาง​ มาตรการต่างๆต้องรู้เขารู้เรา​ รัฐบาลจีนได้ทำอะไรไปบ้าง​ จากนั้นได้เยี่ยมชมจุดคัดกรองผู้เดินทางแบบจำเพาะเจาะจง ดำเนินการคัดกรองผู้เดินทางที่มาจากพื้นที่ที่มีการระบาด โดยนายแพทย์โรม บัวทอง นายแพทย์เชี่ยวชาญกองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ นายแพทย์ประจำจุดคัดกรองได้อธิบายและสาธิตการติดตั้งเครื่องตรวจอุณหภูมิและขั้นตอนการตรวจคัดกรองผู้โดยสาร ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กล่าวให้กำลังใจและขอบคุณการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่

ต่อมานายกฯได้ร่วมสังเกตการณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ในการคัดกรองผู้โดยสารที่เดินทางมาจากสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยเที่ยวบิน cz 3081 China Southern Airline  พร้อมร่วมแจกบัตรคำเตือนสุขภาพ และสาธิตการแสกน QR  code  เพื่อให้ได้ข้อมูลคำแนะนำด้านสุขภาพ พร้อมแจกหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือ

จากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะเยี่ยมชมจุด Health Control ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ พร้อมเยี่ยมชมวิธีการตรวจคัดกรองผู้โดยสารร่วมกับการใช้ CCTV ของสนามบิน โดยจะเป็นการคัดกรองอุณหภูมิของผู้โดยสารทุกคนที่จะผ่านเข้าไปยังจุดตรวจคนเข้าเมือง ชมการสาธิตการตรวจจับผู้โดยสารผ่านเครื่องเทอร์โมสแกนแบบ universal และจุดติดตั้งเทอร์โมสแกน

พล.อ.ประยุทธ์​ ให้สัมภาษณ์ว่า​ วันนี้ถือโอกาสมาเยี่ยมที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กับนายอนุทิน​ ชาญวีรกุล​ รองนายกรัฐมนตรี​ และรมว.สาธารณสุข นายศักดิ์สยาม​ ชิดชอบ​ รมว.คมนาคม​ พร้อมทีมแพทย์ และยังมีกรมแพทย์ทหารบกเข้ามาช่วยเรื่องคัดกรองคน ซึ่งมีความรอบคอบและมีความเป็นสากล เพราะวันนี้เราควบคุมทุกช่องทางที่มาจากประเทศต้นทาง ตนได้ย้ำไปว่าทุกประเทศที่มีความเสี่ยงต้องผ่านกล้องตรวจความร้อน​ อุณหภูมิ​ วัดไข้ โดยวันนี้เพิ่มเป็น 3 ด่าน​ หากพบว่าใครมีไข้เจ้าหน้าที่จะรับไปตรวจสอบเบื้องต้น ถ้าตรวจพบสถานการณ์ที่จำเป็นที่จะเป็นโรคร้ายจะนำส่งโรงพยาบาล วันที่เราจะทำอะไรก็ตามจะต้องดูหลักสากล เราจะไปคิดกันเอง​ ทำกันเอง​ บางทีมันก็จะเกิดผล ตนห่วงใยประชาชนคนไทย​ แต่ก็ต้องห่วงใยประชาชนที่อื่นด้วย เพราะคนไทยไปประเทศไหนเขาก็ต้องดูแลเช่นเดียวกัน

ดังนั้น​ คนที่มาประเทศเราก็ต้องดูแล ในส่วนเรื่องที่จะรับคนกลับเรามีแผนไว้แล้วเพียงแต่ต้องรอเวลาที่จะเคลื่อนย้ายได้​ แต่ไม่ใช่การอพยพ เรียกว่าการเคลื่อนย้ายกลับ รัฐบาลจะดูแลตรงนี้ รอเวลานิดหนึ่งแล้วกัน

เมื่อถามว่า เห็นสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าประเทศอื่นได้เข้าไปรับคนของประเทศตัวเองแล้ว ไทยจะดำเนินการได้เมื่อไหร่ นายกฯ กล่าวว่า ก็กำลังดำเนินการอยู่นี่ไง ทางการจีนกำลังจัดลำดับคิวอยู่ ไม่ใช่ใครจะไปก็ไปทันที เพราะขณะนี้เขาปิดเมืองอยู่ สนามบินก็ยังลงไม่ได้ ต้องขออนุมัติเป็นเรื่องๆ เป็นประเทศไป ในส่วนของคนไทยมี 65 คน เด็ก เราก็พร้อมที่จะรับกลับ โดยเฉพาะที่เมืองอู่ฮั่นก่อน

เมื่อถามว่า จะใช้เครื่องบินทหารหรือเครื่องพาณิชย์ไปรับกลับ นายกฯ กล่าวว่า จะใช้เครื่องบินพาณิชย์ โดยรัฐบาลดำเนินการทั้งหมด พร้อมทีมแพทย์ไปตรวจคัดกรองก่อนที่จะเข้ามาด้วย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา เพราะเครื่องทหารเขาไม่ให้ไป ไม่มีใครเขาให้หรอก แต่เราเตรียมไว้เผื่อถ้ามันร้ายแรง และเวลาเดินทางไปก็ไม่อยากให้แตกตื่น เมื่อสักครู่ได้คุยกับอุปทูตจีน มีการประสานให้เรามาโดยตลอด เป็นการคุยโดยตรง เขาบอกจะตามเรื่องให้ ว่าจากที่สถานทูตไทยทำเรื่องไปแล้วทางการจีนจะดำเนินอย่างไรต่อไป

เมื่อถามว่า กระทรวงต่างประเทศรายงานหรือไม่ว่าคนไทยในอู่ฮั่นมีความอุ่นใจต่อมาตรการของไทยที่เตรียมดำเนินการในขณะนี้ นายกฯ กล่าวว่า มีการรายงานว่าคนไทยในอู่ฮั่นมีความสุข ตอนนี้สามารถติดต่อได้ อาหารการกินก็จัดหาให้ ยืนยันมีคนทำงานอยู่ไม่ต้องรอนายกฯ สั่งทั้งหมด การดำเนินการมีแผนอยู่แล้ว เคยรับมือโรคซาร์ส อีโบล่า ไข้หวัดนกมาแล้ว วันนี้สถิติการควบคุมโรคของไทยดีเป็นอันดับ 6 ของโลก

เมื่อถามว่า ได้กำหนดวันเบื้องต้นที่จะรับกลับแล้วหรือยัง นายกฯ กล่าวว่า “กำหนดไว้ทุกวัน ขึ้นอยู่กับทางการจีนจะอนุญาตเมื่อไหร่ แต่ก็เร็วที่สุด เร็วๆนี้แหละ ใจเย็นๆ คนไทยที่อยู่ทางโน้นเช็คแล้วไม่ได้ป่วยอะไร หากป่วยเขาต้องเข้าโรงพยาบาลก็ไม่ได้กลับบ้านอีก”

นายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้ต้องทำงานหลายๆ  ไปด้วยกัน ต้องทำทุกเรื่อง เพื่อให้งานเดินหน้าไปได้ ไม่ใช่หยุดงานอื่นทั้งหมดแล้วมาทำอย่างเดียว ทีมงานมีอยู่แล้วบริหารได้ เขาทำงานกันเต็มที่ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทำงานชนิดที่ไม่ได้หลับได้นอน รวมทั้ง แพทย์ทหาร ถ้าไม่มีทหารก็ไม่มีแพทย์ทหาร อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 31 มกราคม 2563 ตนจะไปตรวจติดตามและเยี่ยมผู้ป่วยที่สถาบันบำราศนราดูร