ทุ่มสุดตัว “ซีพี” เหมาโบกี้รถไฟสายตะวันออก นำที่ปรึกษาความยั่งยืนสำรวจเส้นทางรถไฟแห่งอนาคต 220 กิโลเมตร

  • ระดมไอเดียพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติ
  • ตั้งเป้าพัฒนาเมืองต้นแบบศูนย์กลาง อีอีซี ท่องเที่ยว+อุตสาหกรรม
  • ดึงการมีส่วนร่วมทุกระดับจากท้องถิ่น

นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี)​ กล่าวว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินคือหัวใจของอีอีซี ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานใหม่ของระบบเศรษฐกิจที่จะช่วยให้ประเทศไทยก้าวสู่ยุค 4.0 และจะเชื่อมโยงและเพิ่มศักยภาพให้ ฉะเชิงเทรา ศรีราชา พัทยา ระยอง ให้เป็นส่วนหนึ่งของกรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งจะผลักดันให้เกิดการพัฒนาเมืองแห่งอนาคต หรือ Smart Cityอีกด้วย

 “รถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน แม้จะกล่าวได้ว่าเป็นโครงการที่เกิดขึ้นก่อนเวลามาก แต่เมื่อสร้างเสร็จจะเป็นที่น่าภาคภูมิใจ เพราะเป็นความท้าทายที่โดยปกติโครงการขนาดใหญ่ลักษณะนี้จะเป็นการสร้างเพื่อเชื่อมเมืองใหญ่ต่อเมืองใหญ่ตามหลักการสากล แต่สิ่งที่ทำวันนี้ คือการมองถึงวิสัยทัศน์ที่เชื่อมกับอีอีซีให้เห็นผลในอนาคต ซึ่งผลที่ออกมาอาจต้องใช้เวลานาน 10-15 ปี หากสำเร็จจะเป็นตัวอย่างการพัฒนาที่ดีของประเทศว่านอกจากการมีผลตอบแทนจากการลงทุน หรือ Return of Investmentที่เหมาะสมแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่วัดไม่ได้แต่มีมูลค่ามหาศาลคือ Return of Societyดังนั้นถ้าวางแผนควบคู่กันไปจะมีผลตอบแทนต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมมหาศาล”  

ขณะที่ม.ล.ดิศปนัดดา ดิศกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์ 1 ในที่ปรึกษาด้านความยั่งยืน โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน กล่าวว่า โครงการนี้ต้องมองการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนในทุกมิติควบคู่กันไป ซึ่งจะเป็นการสร้างโอกาสการเติบโตในพื้นที่อีอีซี และที่สำคัญต้องสร้างความสมดุลระหว่างโลกสองโลกเข้าด้วยกัน คือ โลกของการเติบโตทางเศรษฐกิจ และโลกการเติบโตในเชิงวัฒนธรรมที่มีคนในชุมชนเป็นศูนย์กลาง อย่างไรก็ตาม ต้องตระหนักว่าเมื่อโครงการนี้มาก่อนเวลา การทำแผนโครงการนี้จึงต้องมองระยะยาวไปอีก 15-20 ปีข้างหน้าให้ทันต่อสถานการณ์อนาคตด้วย รวมทั้งต้องดำเนินการใน 2 มิติ คือ 1.Inclusive Economic ในพื้นที่อีอีซี ทำให้โครงการส่งเสริมการสร้างงาน สร้างอาชีพให้คนในพื้นที่ 2.Inclusive Designโดยการออกแบบรถไฟความเร็วสูงฯ ต้องคำนึงถึงเรื่อง Circular Economyหรือเศรษฐกิจหมุนเวียนด้วย

“เป็นโจทย์ที่ท้าทายพอสมควร สิ่งสำคัญต้องไม่ใช่ให้รถไฟฯนำความเจริญวิ่งผ่านไปโดยที่ชาวบ้านได้แต่มอง แต่จะต้องทำให้รถไฟฯพาความเจริญกระจายไปทุกส่วน ทุกพื้นที่ที่รถไฟฯวิ่งผ่าน”

ด้าน ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร ประธานสถาบันเศรษฐกิจพอเพียง ที่ปรึกษาด้านความยั่งยืนอีกคนหนึ่งในฐานะเป็นคนจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า จ.ฉะเชิงเทรา เปรียบเหมือนเมืองลูกหลวงของอีอีซีที่เหมาะสมจะเป็นแหล่งผลิตอาหารป้อนอีอีซีที่จะมีผู้คนจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามา รถไฟความเร็วสูงฯจะช่วยเสริมส่งอีอีซีและมีส่วนสำคัญในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยให้เกิดการขยายตัวของอุตสาหกรรม และการท่องเที่ยว ในจ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพและโอกาส เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ สามารถรองรับประชากรในอนาคตที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นกว่า 15-20 ล้านคนเมื่อเมืองขยายตัวจากรถไฟความเร็วสูงฯ

ส่วนผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีฝ่ายกิจการพิเศษคณะประมงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ศรีราชาถือเป็นอีกเมืองที่มีศักยภาพในการเติบโตเป็นจุดที่เริ่มต้นของภูเขาในภาคตะวันออกและยังมีทะเล มีธรรมชาติที่สวยงาม เช่น เกาะสีชัง ทั้งยังควบคู่ไปกับการเป็นเมืองอุตสาหกรรมที่มีชาวญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนจำนวนมาก จนเรียกว่าเป็น Little Osakaแนวการพัฒนาศรีราชาจึงต้องใช้ประโยชน์แบบผสมผสาน คือเป็นเมืองอุตสาหกรรมที่เชื่อมโยงความยั่งยืน และความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ คู่ขนานกับการสร้างจุดเด่นการท่องเที่ยวสีเขียว และการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ดังนั้นโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินสามารถเข้ามาช่วยพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ได้

นายธีรินทร์ ธัญญวัฒนกุล ประธานหอการค้าจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า จ.ชลบุรีมีความพร้อมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยว อุตสาหกรรม ท่าเรือ ภาคเกษตร รวมทั้งยังมีศรีราชาที่เป็นแหล่งพื้นที่การจ้างงานและการลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น แต่หลังสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้ธุรกิจในพื้นที่ อาทิ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซบเซาลง แต่มั่นใจว่าโครงการรถไฟความเร็วสูงฯ จะเป็นโอกาสสำคัญที่จะทำให้ จ.ชลบุรี และศรีราชากลับมาพลิกฟื้นใหม่ ส่งผลดีต่อการกระจายรายได้ลงสู่ชุมชนเล็ก ๆ ในท้องถิ่นอย่างทั่วถึง

ผศ.ดร.อนุรัตน์ อนันทนาธร อาจารย์ประจำภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยบูรพา กล่าวว่า เป้าหมายการพัฒนาโครงการรถไฟความเร็วสูงฯ ไม่ได้มองความยั่งยืนในมิติเชิงเศรษฐกิจหรือพาณิชย์เพียงเท่านั้น แต่ต้องมองความยั่งยืนในมิติชุมชนและสังคมด้วย อาทิ สนับสนุนให้ความรู้การบริหารวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ และต่อยอดธุรกิจของชุมชนเชื่อมโยงกับโครงการฯ เพื่อกระตุ้นรายได้ในพื้นที่

ด้าน ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวว่า รถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินเป็นเส้นทางแห่งอนาคต จึงสำคัญมากที่เส้นทางของโครงการรถไฟความเร็วสูงฯ ต้องมองทั้งเรื่องการเชื่อมโยง และการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีเพื่อให้ประชาชนให้รับประโยชน์ โดยหากมองด้านของการพัฒนาที่ยั่งยืน โครงการนี้จะเข้ามาเปลี่ยนชีวิตผู้คนและสามารถช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต หากประเทศใดมีรถไฟความเร็วสูงฯ จะเป็นความภาคภูมิใจของคนในชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจใหม่ของภูมิภาคตะวันออก ที่เชื่อมถึง EEC ซึ่งจะเกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการเคลื่อนคน การกระจายการลงทุนออกไปยัง EEC เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ ได้เสนอให้พิจารณาตั้งสถานีรถไฟความเร็วสูงที่สถานีพระจอมเกล้าลาดกระบังซึ่งเป็นศูนย์กลางของชุมชน โรงงานอุตสาหกรรม โรงเรียน และมหาวิทยาลัย เพื่อให้ชุมชนสังคมในพื้นที่ลาดกระบังได้รับประโยชน์สูงสุดจากรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน

ทั้งนี้นายธิติฏฐ์ นันทพัฒน์สิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทรถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด กล่าวถึงความคืบหน้าของโครงการว่า ในภาพรวมทางภาครัฐคาดว่าจะสามารถส่งมอบพื้นที่ให้เอกชนได้ประมาณเดือนมี.ค.-เม.ย. ปี 2564 โดยอย่างช้าไม่เกินเดือนต.ค. 2564 ซึ่งยังคงเป็นไปตามสัญญา ส่วนการย้ายสาธารณูปโภคที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีหน่วยงานกว่า 20 แห่ง และตามแผนเกือบทุกหน่วยงานจะรื้อย้ายให้เสร็จได้ภายในเดือนมี.ค.2564 ทั้งนี้คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการรถไฟความเร็วสูงช่วงแรกได้ภายในปี 2569

สำหรับการเดินทางสำรวจครั้งนี้ ใช้รถไฟขบวนพิเศษ เริ่มตั้งแต่สถานีหัวลำโพง แวะจอดที่สถานีลาดกระบัง ฉะเชิงเทรา ศรีราชา และพลูตาหลวง