นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กล่าวถึงมาตรการเตรียมความพร้อม รองรับผู้โดยสารที่จะเดินทางเข้าประเทศ ภายใต้นโยบายการเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย.2564 ว่า ทอท.ในฐานะผู้บริหาร ท่าอากาศยาน ทั้ง 6 แห่ง ประกอบด้วยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่ พร้อมให้บริการอย่างเต็มความสามารถ โดยได้นำนวัตกรรม และเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อตอบสนองการเดินทางแบบชีวิตวิถีใหม่ (Transport New Normal) มาให้บริการผู้โดยสาร รวมทั้งได้จัดให้พนักงาน ลูกจ้าง ผู้ปฏิบัติงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง ได้รับการฉีดวัคซีนเข็ม 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และสร้างภูมิคุ้มกันหมู่
ทั้งนี้สำหรับประมาณการปริมาณจราจรทางอากาศ ณ ทสภ.ในวันที่ 1 พ.ย. 2564 มีสายการบินแจ้งทำการบินเที่ยวบินพาณิชย์ ประมาณ 440 เที่ยวบิน แบ่งเป็นเที่ยวบินภายในประเทศ ประมาณ 230 เที่ยวบิน เที่ยวบินระหว่างประเทศประมาณ 110 เที่ยวบิน และเที่ยวบินขนส่งสินค้า ประมาณ 100 เที่ยวบิน โดยเมื่อประมาณการที่ร้อยละ 30%
ทั้งนี้จากความจุของแบบอากาศยาน ทอท.จึงคาดว่า จะมีผู้โดยสารเดินทางผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 30,000 คนแบ่งเป็นผู้โดยสารภายในประเทศ ประมาณ 23,000 คน และผู้โดยสารระหว่างประเทศ ประมาณ7,000 คน ซึ่ง ทอท. ได้นำเครื่องเช็กอินด้วยตนเองแบบอัตโนมัติ (Common Use Self Service : CUSS) จำนวน 196 เครื่อง และเครื่องรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ (Common Use Bag Drop : CUBD) จำนวน 42 เครื่อง ที่มีมาตรฐานตามที่สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ หรือ IATA(International Air Transport Association) กำหนดมาให้บริการผู้โดยสารในกระบวนการพิธีการผู้โดยสารขาออก ซึ่งได้ติดตั้งกระจายอยู่บริเวณแถวเช็กอินตั้งแต่ Row B ถึงRow U ชั้น 4 อาคารผู้โดยสาร เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการ เว้นระยะห่างและลดการสัมผัส
