ททท.ลุยขายเที่ยวไทยไฮซีซันทำรายได้1ล้านล้านจัดเต็ม 365 วัน 55 เมืองรองจัดยาวเทศกาลทัวร์ 5 ภาค

ททท.จัดเต็ม “เที่ยวไทยไฮซีซัน” ปั๊มตลาดในประเทศปี’67 เข้าเป้า 1 ล้านล้านบาท 200 ล้านคน-ครั้ง

  • นำซอฟท์ เพาเวอร์ ลุยขาย 365 วัน เที่ยวไทยไม่ต้องรอ ดัน 55 เมืองรองต้องเที่ยว 
  • หนุนเทศกาลเที่ยว 5 ภาค ขยายวันจัดงานดึงคนใช้พักค้างคืน พร้อมเจาะตลาดใหม่ GEN ME

นางสาวสมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้วางกลยุทธ์ในงบประมาณปี 2567 เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 เพื่อเร่งกระตุ้นเที่ยวเมืองไทยเพิ่มเข้าประเทศทั้งจากตลาดคนไทยและต่างชาติพำนักอยู่ในไทยตั้งเป้ารายได้ไว้ 1 ล้านล้านบาท จากนักท่องเที่ยวจำนวน 200 ล้านคน-ครั้งจะใช้จ่ายเงินเฉลี่ย 4,000 บาท/คน/ทริป โดยจะใช้แคมเปญภายใต้แนวคิด 365 วันเที่ยวได้ไม่ต้องรอ หรือเที่ยวได้ทุกวันตลอดทั้งปี ท่ามกลางภาวะการแข่งขันสูงหลังสถานการณ์โควิดทั่วโลกแข่งกันทำโปรโมชั่นแย่งชิงนักท่องเที่ยวคนไทยเหมือนกัน

ททท.มุ่งคัดเลือกสินค้าซอฟท์ เพาเวอร์ 5F มาเพิ่มรายได้หรือค่าใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวกับใช้เครื่องมือซึ่งเป็นนวัตกรรมทางเทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุด เข้ามาฟื้นเศรษฐกิจระยะสั้นแบบเร่งด่วนตามนโยบายรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวในประเทศอย่างรวดเร็ว นอกเหนือจากการเล็งเป้าหมายตลาดครอบคลุมทุกกลุ่มแล้ว ยังเตรียมขยายเพิ่มอีก 2 กลุ่มใหม่ ได้แก่ กลุ่มที่ 1 E-Sport กลุ่มเดินทางเข้าร่วมการแข่งขันเกมซึ่งมีคนเข้าร่วมจำนวนครั้งละมาก กลุ่มที่ 2 นักเต้นอิสระ ช่วงที่ผ่านมามีเทรนด์นี้เติบโตมีกำลังซื้อสูง ล่าสุดมีกลุ่มเต้นลีลาศและอื่น ๆ

ดังนั้นการนำจุดขายพลังซอฟท์ เพาเวอร์ อย่าง “FOOD/อาหาร นอกเหนือจากเมนูทั่วไป จะต้องลงลึกเพิ่มจุดขายเรื่องวัตถุดิบเมนูอาหารเกษตรอินทรีย์ “FASHION/แฟชั่นเครื่องแต่งกายด้วยผ้าพื้นเมือง” ต้องสร้างสรรค์เรื่องราวให้เกิดความน่าสนใจมากขึ้นด้วย ททท.ยังคงแผนขยายการท่องเที่ยว 55 จังหวัดเมืองรอง ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีนับจากปี 2566 ไปจนถึงปี 2580

ตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป ททท.จะยกระดับการขายท่องเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัด ภายใต้แนวคิด “ประสบการณ์ใหม่เที่ยวเมืองรอง ไม่รู้ลืม” นำเสนอเรื่องราวเนื้อหาการท่องเที่ยวแต่ละเมืองให้ลึกมากขึ้น แล้วนำเทคโนโลยีมาอำนวยความสะดวกให้การเดินทางเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ปัจจุบันนักท่องเที่ยวสามารถแอพลิเคชั่น และนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อการจองหรือค้นหาแหล่งท่องเที่ยว ที่พัก ได้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น ดังนั้น ททท.ตลาดในประเทศจะจับมือทำงานร่วมกับศูนย์สารสนเทศอย่างเต็มที่ โดยจะนำเสนอเส้นทางการท่องเที่ยวอย่างง่ายด้วยความแม่นจำด้านข้อมูล

โดยจะใช้สินค้าท่องเที่ยว ซอฟท์ เพาเวอร์ เป็นแกนหลัก บวกเข้ากับการจัด “กิจกรรม” อีเวนต์ต่าง ๆ เช่น วิจิตร 5 ภาคเทศกาลงานประเพณี จะเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างทรงพลังมากขึ้น รวมทั้งจะจัดกิจกรรมกระตุ้นฤดูท่องเที่ยวปลายปี 2566 ต่อเนื่องถึงเทศกาลตรุษจีนต้นปี 2567 นำท่องเที่ยวมาทำให้เกิดเศรษฐกิจแบบ Quick Win ได้ตามนโยบายรัฐบาล

สำหรับ “กิจกรรม” ที่จะนำมาใช้กระตุ้นท่องเที่ยวภายในประเทศ ไตรมาส 1 และไตรมาส 2 ปีงบประมาณ 2567 ตั้งแต่ตุลาคม 2566-มีนาคม 2567 จะเป็นช่วงฤดูท่องเที่ยว จะใช้กลยุทธ์ใหม่ด้วย 2 กลยุทธ์ ประกอบด้วย

กลยุทธ์ที่ 1 “เพิ่มระยะเวลาจัดงานเทศกาลประเพณี” จากปกติ 1-2 วัน ปีนี้จะเพิ่มจำนวนหลายวันขึ้น เพื่อเป้าหมาย1.เพิ่มวันพักค้างคืนในพื้นที่จัดงาน 2.เพิ่มค่าใช้จ่ายนำรายได้กระจายสู่ท้องถิ่น

โดยไฮไลต์เสนอขายงานประเพณียอดนิยมจัดทำโมเดลต้นแบบของแต่ละภาค “สีสันแห่งสายน้ำ มหกรรมลอยกระทงคลองผดุงกรุงเกษม” ระหว่าง 25-27 พฤศจิกายน 2566 เชื่อมโยงเข้ากับงานสีสันท่องเที่ยวหัวลำโพง งานที่ 2 เทศกาลกินเจภาคใต้ 15-23 ตุลาคม นี้ ส่วนในอีสานจัดเทศกาลออกพรรษา งานแห่ต้นกระธูป ที่จังหวัดชัยภูมิระหว่าง 25-28 ตุลาคม งานบั้งไฟพญานาคโลก จังหวัดหนองคาย ระหว่าง 21 ตุลาคม – 6 พฤศจิกายน นี้

“ภาคเหนือ” งานประเพณียี่เป็งเชียงใหม่ วันที่ 26-28 พฤศจิกายน 2566 บริเวณข่วงประตูท่าแพ / ลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์และริมแม่น้ำปิง จ.เชียงใหม่ ร้อยเรียงต่อเนื่องจากประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย วันที่ 18-27 พฤศจิกายน ที่อุทยานประวัติศาสตรสุโขทัย

“ภาคตะวันออก” มีงานไฮไลต์เทศกาลพลุนานาชาติเมืองพัทยา Pattaya International Fireworks 2023 วันที่ 24-25 พฤศจิกายน ที่ชายหาดพัทยา เทศกาลงานดนตรี Wonderfruit Festival 2023 มีชื่อเสียงติดตลาดโลกแล้ว จัดระหว่าง วันที่  14-18 ธันวาคม 2566

กลยุทธ์ที่ 2 เพิ่มตลาดเทรนด์ใหม่ GEN ME ซึ่งแตกต่างจากก่อนสถานการณ์โควิด ททท.จะเน้นเจาะนักท่องเที่ยวกลุ่มGEN X, Y มิลเลนเนียล/คนรุ่นใหม่ แต่พอหลังสถานการณ์โควิดพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวเปลี่ยนแปลงไปแบบฉับพลัน จึงต้องเร่งศึกษาพฤติกรรมนักท่องเที่ยว GEN ME ซึ่งเป็นกลุ่มมีความเป็นตัวของตัวเองสูง มีเอกลักษณ์เฉพาะเช่น ทรงผม หน้าตา เพื่อนำมาปรับปรุงทางด้าน “ผู้ประกอบการ : Supply Side” ซึ่งจะพึ่งหน่วยงานรัฐเพียงอย่างเดียวไม่ได้แล้ว ต้องเดินไปพร้อมกันทุกส่วนโดยเฉพาะเอกชน ขณะนี้ในหลายประเทศเปลี่ยนแล้ว ไทยเองก็ต้องเร่งทำให้ทันสถานการณ์ด้วยเช่นกัน

ส่วนเรื่องขอการสนับสนุนจากรัฐบาลผลักดันนโยบายให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อทำให้รายได้เข้าเป้าปีหน้า 1 ล้านล้านบาท เรื่องที่ 1 โครงสร้างพื้นฐานโลจิสติกส์ ระบบบริการเครือข่ายรถสาธารณะ เรื่องที่2 ราคาตั๋วโดยสารเที่ยวบินภายในประเทศของสายการบินต่าง ๆ ที่ประสบปัญหาขาดทุนจากโควิดต่อเนื่องมาถึง 4 ปีจึงส่งผลทำให้ขณะนี้ “ราคาตั๋วเครื่องบินในประเทศ” ราคาสูงมากใกล้เคียงกับตั๋วบินต่างประเทศ ซึ่งจะต้องหาวิธีร่วมกันทำให้เกิดความลงตัวโดยเร็ว

ขณะนี้รัฐบาลวางแผนใส่งบประมาณ “กระตุ้นการท่องเที่ยว” เข้ามาเพิ่มในช่วงระยะเร่งด่วน ซึ่งจะช่วยสร้างความคึกคัก เพื่อให้คนมีอารมณ์ความรู้สึกอยากจะออกมาเดินทาง แต่ก็ยังต้องพึ่งพาความร่วมมือจากทุกส่วนจากกลุ่มผู้ประกอบการด้วย สะดวก สะอาด ปลอดภัย ราคายุติธรรม ทุกอย่างจะต้องเดินหน้าไปด้วยกัน

นางสาวสมฤดี กล่าวว่า ททท.มีภารกิจต้องสร้างการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนควบคู่กัน 2 ทาง ทั้งผู้ให้บริการและนักท่องเที่ยว ตั้งแต่ต้นน้ำเรื่อง “อาหาร” รสชาติอาหารไทยอร่อยตอบโจทย์แล้ว แต่วัตถุดิบจากต้นทางของเกษตกรเพาะปลูกพืชผักต่าง ๆ เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการทำเกษตรอินทรีย์ที่จะต้องเร่งมือ เพราะหลายประเทศเริ่มโฆษณาแล้วว่าเป็นประเทศอาหารปลอดภัยไร้สารเคมี ไทยเองก็ต้องเข้าร่วมขบวนนี้ด้วย รวมทั้งการให้ความสำคัญกับ “อากาศ” เรื่องการลดปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ซึ่งมีผลต่อภาวะโลกร้อนอย่างรุนแรงที่กำลังเป็นเรื่องที่ทั่วโลกพากันวิตกกังวลและพยายามหาวิธีร่วมมือกันลดปัญหาเหล่านี้ให้เบาบางลง ดังนั้นการท่องเที่ยวของไทยก็ต้องตื่นตัวหันมาเริ่มลงมือเช่นเดียวกัน

เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza, www.facebook.com/penroongyaisamsaen