“ต่างชาติ”ขนเงินสดช้อปคอนโดสนั่น ห้องไซซ์ใหญ่ขาดตลาด

  • ‘จีนเทา’เขย่าบ้านแพงชะลอยาว
  • ‘คอนโดหรู’ไม่สะเทือน
  • ตลาดอสังหาฯขึ้นอยู่กับการขยายตัวเศรษฐกิจ

นายกรณ์ ณรงค์เดชประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ไรมอนแลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ RML เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีหลัง2566 กำลังซื้อในกลุ่มระดับลักชัวรี่ได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อย จากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ไม่ว่าอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และภาะหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นกลุ่มเรียลดีมานด์ ทำให้มียอดทิ้งโอนกรรมสิทธิ์น้อยเฉลี่ยอยู่ที่ 3-4% และส่วนใหญ่จะซื้อเงินสด โดยเฉพาะลูกค้าต่างชาติที่ซื้อสดเกือบทั้งหมด และซื้อเป็นห้องขนาดใหญ่เกิน 100 ตารางเมตร ตอนนี้ห้องชุดขนาด 200 ตารางเมตรขาดตลาด ทำให้ที่ผ่านมาบริษัทปรับพอร์ตหันมารุกตลาดลักชัวรี่มากขึ้น

“ปัจจุบันเรามีสัดส่วนลูกค้าที่ซื้อโครงการของเรา ที่ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์ มูลค่า 5,200 ล้านบาท 146 ยูนิต มียอดขายแล้ว 85% และเทตต์ สาทร ทเวลฟ์ มูลค่า 4,400 ล้านบาท 231 ยูนิต มียออดขายแล้ว 92% เป็นลูกค้าคนไทย 54% และต่างชาติ 46% ซึ่ง 5 อันดับต่างชาติมาซื้อมากสุด ได้แก่ 1.อังกฤษ 2.จีน ไต้หวัน ฮ่องกง 3.รัสเซีย 4.อเมริกัน และ 5.ฝรั่งเศส ส่วนพม่าส่วนใหญ่ซื้อเป็นเพนต์เฮาส์ ขณะที่จีนหลังเปิดประเทศมีมาซื้อมากขึ้นกลับมาเหมือนเดิมและเอเยนต์จีนคึกคักมาก ซึ่งโครงการใหม่ๆ เราจะพัฒนาในครึ่งปีหลัง จะร่วมกับเอเยนต์เจาะตลาดต่างชาติมากขึ้น” นายกรณ์กล่าว

นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันบ้านระดับบนราคา 40-50 ล้านบาทชะลอตัวตั้งแต่ปลายปี 2565 หลังเกิดกรณีทุนจีนสีเทา จนถึงขณะนี้ลูกค้าต่างชาติยังไม่กลับมา เหลือแต่กำลังซื้อคนไทย ซึ่งจะใช้เวลาดูบ้าน 4-5 ครั้งกว่าจะตัดสินใจซื้อ คาดว่าลูกค้าจีนจะกลับมามากขึ้นในครึ่งปีหลังนี้ ส่วนคอนโดมิเนียมตลาดต่างชาติเริ่มดีขึ้นในทำเลกลางเมือง มีทั้งจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ และซื้อห้องขนาด 60 ตารางเมตรขึ้นไป

นายอธิป พีชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2566 จะดีหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการขยายตัวของเศรษฐกิจด้วย ซึ่งผู้ประกอบการเองก็ต้องรู้จักปรับตัว แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่ายังไงคนจะต้องมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง ในทุกสถานการณ์ย่อมมีดีมานด์ ขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการจะผลิตสินค้าออกมาให้สอดรับกับสภาวะตลาดอย่างไร

อย่าแข่งกันขายจนเกิดสงครามราคา ทำให้เกิดโอเวอร์ซัพพลาย ปัจจุบันเริ่มเห็นการลดราคาบ้านและคอนโดมิเนียมกันแล้ว แต่ยังไม่รุนแรงมาก จนทำให้เกิดไพรซ์วอร์หรือสงครามราคา เหมือนที่เคยเกิดมาแล้วเมื่อปี 2540 อย่างในขณะนี้ ตลาดอสังหาฯภูเก็ตกำลังซื้อเริ่มกลับมา ซัพพลายไม่พอกับดีมานด์ หากผู้ประกอบการจะลงทุนใหม่ต้องลงทุนแบบพอดี ไม่ให้เกิดภาวะล้นตลาด