ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ! “พลพีร์”จวกยับ กทม.ให้วัคซีนไปแต่จัดการด้อยประสิทธิภาพ ฉีดไร้แผนคุมโรคไม่ได้ ยอดเสียชีวิตพุ่งไม่หยุด

นายพลพีร์ สุวรรณฉวี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง(นายอนุทิน ชาญวีรกูล) ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงกรณีปัญหาการจัดการวัคซีนโควิด 19 ในพื้นที่ กทม.ว่าถึงตอนนี้ มันชัดเจนมากที่ กทม.ไม่ได้ให้ความสำคัญกับผู้ที่ลงทะเบียนหมอพร้อม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงวัย และมีโรคประจำตัว จะด้วยสาเหตุใดก็ตาม การทอดทิ้งคนกลุ่มนี้ผิดหลักทางการแพทย์แน่นอน เพราะในทางการสาธารณสุขต้องฉีดเพื่อควบคุมโรค และปกป้องกลุ่มเสี่ยง 2 อย่างนี้ต้องมาคู่กัน ดังนั้น จึงต้องฉีดให้ผู้สูงวัย และกลุ่ม 7 โรคเสี่ยงก่อน เพื่อลดอัตราการสูญเสีย แต่ กทม.หลงลืมไปหรือไม่ อาจจะเป็นไปได้ว่า เพราะหมอพร้อมเกิดขึ้นโดยกระทรวงสาธารณสุข กทม.จึงไม่สนใจ ใช่หรือไม่ แม้จะเป็นคนแก่ คนป่วย ท่านก็ไม่ใยดีหรือ ทั้งที่คนกลุ่มนี้ หากติดโรคขึ้นมา ล้วนมีความเสี่ยงถึงขั้นเสียชีวิต

ยิ่งถ้ามาอ้างว่าวัคซีนไม่พอ ก็ยิ่งฟังไม่ขึ้น เพราะจริงๆแล้ว กทม.ขอวัคซีนมาประมาณ 1 ล้านโดส และได้รับการจัดสรรอย่างเหลือเฟือ ลำพังในส่วนของ กทม.ได้วัคซีนมามากกว่า 500,000 โดส ขณะที่ กระทรวง อว. บวกกับบางซื่อก็ได้แล้ว 400,000 โดส ส่วนกลุ่มแรงงาน ม.33 ได้ไป 300,000 โดส ยอดนี้ยังไม่รวมที่จะได้อีกภายในเดือนนี้อีกหลายแสนโดส ซึ่งที่ผ่านมา มีการแบ่งวัคซีนจากจังหวัดต่างๆ มาให้ กทม.ด้วย วัคซีนที่ กทม.ได้รับไปจำนวนมาก มาจากการเสียสละจากต่างจังหวัด เพราะล้วนเห็นว่า กทม.ระบาดหนัก อยากเข้ามาช่วยแก้ไขโดยที่ต่างจังหวัดไม่บ่นสักคำและยังเสียสละต่อไป อสม. นักรบแนวหน้าก็ฉีดกันไม่ครบ แต่ถึงเวลา ก็สู้ตายเพื่อช่วยชาติ ตนรู้สึกสงสารมาก

“กทม.บริหารวัคซีนที่ได้รับไป เหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ จัดสรรให้มากขนาดไหน ก็ยังมีปัญหา คุมโรคไม่ได้ ยอดเสียชีวิตพุ่งไม่หยุด บางพื้นไม่มีวัคซีน เป็นปมที่แก้ไม่ได้ เป็นช่องให้คนมาถล่มรัฐบาล ทั้งหมดเกิดจากแผนการซึ่งอาจจะมีปัญหา คนที่ควรได้รับวัคซีนก่อน ทั้งผู้สูงวัย และคนป่วย กลับถูกละเลย กลุ่มเสี่ยง ก็ถูกเพิกเฉย

และมันเป็นเรื่องที่น่างุนงงมาก เพราะมีการโทษ สธ.ว่า ไม่ส่งให้วัคซีนให้ กทม. แต่ไม่กี่วันต่อมา กทม.นี่เองที่เปิดตัวเลขว่าฉีดไปแล้วใกล้แตะ 2 ล้านโดส แสดงว่าได้รับวัคซีนมาตลอด แต่กลับ ปล่อยให้บางพื้นที่มีปัญหา ล่าสุด ที่ปัญหากับผู้ลงทะเบียนหมอพร้อม ก็กลายเป็น สธ.ต้องย้อนกลับไปตามแก้ปัญหาให้อีก”

นายพลพีร์ กล่าวด้วยว่า กทม.ฉีดมาก แต่ยังน่าข้องใจ ถามว่าทำไม ไม่ล็อกเป้าฉีดให้ชัด ว่าควรจะฉีดกลุ่มไหนก่อน ตามหลักการแพทย์ ควรไปฉีดให้กลุ่มเสี่ยงเสียชีวิต และฉีดให้กลุ่มที่มีโอกาสติดเชื้อสูงกว่า แต่นี่ฉีดมั่วไปหมด ทำงานไม่มีหลักยึด แล้วผลที่ได้รับคือ ทุกวันนี้ คนติดเชื้อทุกวัน ที่เลวร้ายกว่าคือมียอดผู้เสียชีวิตในกรุงเทพรายงานเข้ามาเรื่อยๆ ส่วนใหญ่มีโรคประจำตัว มั่นใจว่า ถ้าประชาชนคน กทม.ได้รับวัคซีนตามแผนของ สธ. ยอดผู้เสียชีวิต จะไม่มากขนาดนี้

กทม…นอกจากแผนการฉีดวัคซีนจะมีปัญหา เรื่องการควบคุมโรคก็ด้อยประสิทธิภาพ เพราะคนกรุงเทพต้องอยู่กับเชื้อโรคอย่างจำใจ กทม.ไม่เคยมีมาตรการสกัดกั้นการแพร่เชื้ออย่างจริงจัง ทุกวันนี้ มียอดรายงานจากคลัสเตอร์แคมป์คนงานรายวัน แล้วมาตรการจัดการอยู่ที่ไหน หรือจะปล่อยให้มีผู้ติดเชื้อแบบนี้ต่อไป ทำแบบนี้ โรคไม่หาย แต่กิจการห้างร้านปิดตัวไปเท่าไรแล้ว เพราะความไม่เด็ดขาด

ขอให้ กทม.รับฟัง และพิจารณาหาทางออกด้วย หากนึกไม่ออก ให้เข้ามาที่กระทรวงสาธารณสุข หมอใจดี พร้อมให้คำปรึกษา เพราะที่ผ่านมา ที่จังหวัดต่างๆ คุมโรคได้ ก็เพราะฟังหมอ เชื่อหมอนี่เอง ทั้งนี้ ตน ไม่ได้ตำหนิคนทำงานขอย้ำว่า ชื่นชมพวกท่านที่มุ่งมั่นเสียสละทำเพื่อประชาชน แต่มุ่งสะกิดคนข้างบน

“งงไหม จังหวัดอื่นเขาเชื่อหมอ สมุทรสาครเชื่อหมอ เขาคุมโรคได้ แต่ กทม.เชื่อใคร ทำอะไรอยู่ ถึงมีปัญหาอยู่ที่เดียว ทั้งที่ก็ได้รับนโยบายเหมือนจังหวัดอื่น เรื่องนี้ มันต้องฟังกันบ้าง อย่ายึดมั่น ถือมั่น ทำแบบเดิม ต่อให้ทุ่มวัคซีนไปเท่าไร ก็แก้ปัญหาไม่ได้ ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำเปล่าๆ “