ตลาดหุ้นสหรัฐฯบวกซึมๆ รอดูสถานการณ์ สัปดาห์เลวร้ายโควิด-19 ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ

  • นักลงทุนชะลอการซื้อขาย ตลาดเข้าสู่ช่วงซึม รอปัจจัยใหม่เข้ามากระทบ
  • ตลาดจับตาภาวะเศรษฐกิจในสายตาเฟดผ่านการเปิดเผยบันทึกการประชุมนัดพิเศษ
  • สินเชื่อเพื่อการจำนอง-สินเชื่อซื้อบ้านลดต่อเนื่อง สะท้อนกำลังซื้อที่ลดลง

เมื่อเวลาประมาณ 21.15 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ 22,710.39 จุด เพิ่มขึ้น 56.53 จุด หรือ +0.25% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวอยู่ที่ 7,919.60 จุด บวกเพิ่มขึ้น 32.34 จุด หรือ +0.41% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ 2,671.77 จุด บวกเล็กน้อย 12.36 /จุด หรือ +0.46%

แม้ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในสหรัฐได้ชะลอตัวลงนับตั้งแต่วันศุกร์ รวมทั้งตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วโลกก็ได้ชะลอตัวเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ยอดเสียชีวิตของสหรัฐที่พุ่งขึ้นเร็วมากในสัปดาห์นี้ ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ยังคงเตือนให้รับมือกับสัปดาห์ที่เจ็บปวดที่อาจจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ชะลอการซื้อขายเพื่อรอดูสถานการณ์การแพร่ระบาด และตัวเลขทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ เริ่มมีแรงช้อนซื้อกลับในหุ้นกลุ่มเรือสำราญ โรงแรม และสายการบินต่างพุ่งขึ้น หลังจากที่ราคาตกลงรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา

ตลาดยังจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำเดือนมี.ค. ซึ่งเฟดได้จัดการประชุมฉุกเฉินในวันที่ 15 มี.ค. โดยได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 1.00% จากระดับ 1.00-1.25% สู่ระดับ 0.00-0.25% ประกาศซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) วงเงิน 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ

ขณะที่มีกระแสข่าวว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ และรองประธานาธิบดีไบเดน เห็นชอบที่จะต่ออายุนายพาวเวลล์ ในตำแหน่งประธานเฟด สมัยที่ 2

ด้านสมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐ เปิดเผยำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองลดลง 17.9% ในสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากการปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง รวมทั้งผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยจำนวนผู้ที่ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการรีไฟแนนซ์ลดลง 19% ในสัปดาห์ที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้น 144% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นความพยายามในการปรับโครงสร้างหนี้ ขณะที่ผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการซื้อที่อยู่อาศัยลดลง 12% ในสัปดาห์ที่แล้ว และปรับตัวลง 33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว