ตลาดร้านสะดวกซักเดือด เจ้าของแบรนด์เปิดแฟรนไชส์เอง หลังเห็นผลคืนทุนเร็วสุดเพียงปีเดียว

ตลาดร้านสะดวกซักเดือด หลัง แอลจี ประกาศพร้อมเปิดตัวแฟรนไชส์ร้านสะดวกซัก LG Laundry Crew ในไทยเป็นประเทศแรกในโลก นำโดย “อำนาจ สิงห์จันทร์”  ผู้บริหารแอลจี เปิดตัวแฟรนไส์รายแรกแถวย่านรามคำแหง  หลังเห็นโอกาสทางการตลาดเนื่องจากเป็นผู้นำในตลาดเครื่องซักผ้าสำหรับผู้บริโภคในประเทศไทยมายาวนาน กับจุดเด่นเป็นแบรนด์ที่มีความทนทานจนผู้บริโภคได้ไว้วางใจ

สำหรับร้านสะดวกซักในประเทศไทยได้รับความนิยมมาหลายปีติดต่อกัน สอดรับกับพฤติกรรมของคนไทยที่นิยมมาใช้บริการเนื่องจากความสะดวกนำเสื้อผ้ามาซักและปั่นแห้งได้รวดเร็วภายในเวลา 1 ชั่วโมงและสามารถการใช้งานผ่านแอปพลิเคชั่นได้ 

จากกระแสความนิยมของผู้บริโภคจึงเกิดการลงทุนเปิดร้านสะดวกซักแทบทุกอำเภอ ทั่วประเทศไทย ทั้งในรูปแบบการซื้อแฟรนไชว์และลงทุนวางระบบเองซึ่งสามารถทำได้โดยไม่ยากนัก จากการสอบถามของความคุ้มค่าในการลงทุน ผู้ลงทุนเองมองว่าจะคืนทุนเร็วที่สุดในระยะเพียงหนึ่งปีเท่านั้นขึ้นอยู่กัยทำเลด้วย ยิ่งทำเลตามหอพัก อพาร์ตเมนท์และคอนโดมีเนียมที่มีคนพักอาศัยหนาแน่นจะนยิ่งคืนทุนเร็ว

อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการความยุ่งยาก สามารถซื้อแฟรนไชส์มาทำเองได้ 

โดย แอลจี เปิดแฟรนไชส์ร้านสะดวกซัก LG Laundry Crew มีอยู่ 4 ไซส์ด้วยกัน คือ

  • S ราคา 1.5 ล้านบาท (ได้เครื่องซักและอบ 4 ชุด)
  • M ราคา 2 ล้านบาท (ได้เครื่องซักและอบ 6 ชุด)
  • L ราคา 2.5 ล้านบาท (ได้เครื่องซักและอบ 8 ชุด)
  • XL ราคา 3 ล้านบาท (ได้เครื่องซักและอบ 10 ชุดขึ้นไป) สำหรับการคืนทุนทางแอลจีระบุว่า สามาถคืนทุนได้ 2-4 ปีแล้วแต่ทำเล

ทางด้าน อัลไลแอนซ์ ลอนดรี้ ผู้นำด้านการผลิตและจำหน่ายเครื่องซักผ้าอบผ้าอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่สุด ในโลกโดยนายสุกรี กีไร ผู้อำนวยการฝ่ายขาย ประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท อัลไลแอนซ์ ลอนดรี้ ซิสเต็มส์ แอลแอลซี (Alliance Laundry Systems LLC) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจร้านสะดวกซักของไทยในปีที่ผ่านมา (2566) มีร้านเปิดใหม่มากถึง 1,300 ร้าน และยอดขายโดยรวมเติบโต 7% หรือประมาณ 3,900 ล้านบาท ซึ่ง ALS สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 62% ส่วนตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของกลุ่มประเทศ CLMV ในภาพรวมถือว่าตลาดเริ่มตอบรับและมีการเติบโตเป็นที่น่าพอใจซึ่งมียอดขายเติบโตถึง 4.5% หรือประมาณ 185 ล้านบาท

โดยภาพรวมธุรกิจร้านสะดวกซักของไทยในปี 2567 คาดว่าจะเติบโตประมาณ 10% และจะมีร้านสะดวกซักในไทยทั้งหมดประมาณ 5,500 ร้าน ซึ่งคาดว่าร้านที่เปิดใหม่จะเป็นร้านที่มีขนาดใหญ่มากขึ้น โดยเฉลี่ยจะใช้เครื่องซักและอบในร้านทั้งหมดประมาณ 15-20 เครื่องต่อร้าน และขนาดของร้านจะอยู่ที่ 80 ตารางเมตรขึ้นไป 

สำหรับประเทศมาเลเซียแม้ว่าจะมีร้านสะดวกซักมากกว่า 5,000 ร้านแล้ว แต่ก็ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของการอัพเกรดร้านให้มีความพรีเมียมขึ้น และการรีโนเวทร้านโดยมีการเพิ่มจำนวนเครื่องซักและอบ ในรุ่นใหม่ๆ มากขึ้น ส่วน อินโดนีเซีย, เวียดนาม และ CLMV ยังคงเป็นตลาดใหม่ที่คาดการณ์ว่าจะได้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น 20% ของมูลค่ารวมตลาดทั้งหมด 2,395 ล้านบาท