ดาวโจนส์ ยืนแดนบวก แนสแด็ก-เอสแอนด์พี ติดลบ นักลงทุนจับตาผลประกอบการไตรมาส 2

  • กลุ่มแบงก์ได้รับอานิสงส์ เจพีมอร์แกน เชส -ซิตี้กรุ๊ป ประกาศผลประกอบการดีเกินคาด
  • แรงเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี-หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเมืองกดดันตลาด
  • นักลงทุนจับตาผลประอบการไตรมาส 2 -ผลกระทบเศรษฐกิจจากโควิด-19

เมื่อเวลา 21.20 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ 26,168.64 จุด เพิ่มขึ้น 82.84 จุด หรือ +0.32%

ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 10,214.21 จุด ลดลง 176.64 จุด หรือ -1.70% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 3,139.55 จุด ลดลง 15.67 จุด หรือ -0.50%

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้ โดยธนาคารขนาดใหญ่จะเริ่มรายงานตัวเลขผลกำไรในวันนี้ โดยหุ้นในกลุ่มธนาคารปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังเจพีมอร์แกน เชส ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เปิดเผยผลประกอบการสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด ขณะที่ซิตี้กรุ๊ปเปิดเผยตัวเลขกำไรและรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาส 2 เช่นกัน แต่เป็นไปตามคาดที่ธนาคารเวลส์ ฟาร์โกเปิดเผย ผลขาดทุนในไตรมาส 2 ขณะที่รายได้ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

อย่างไรก็ตาม มีแรงแทขายในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทำให้ปรับตัวลดลง รวมทั้งหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการเปิดของเศรษฐกิจ หลังหลายรัฐสหรัฐมีมาตรการคุมเข้มการเดินทาง รวมทั้งกลับมาปิดธุรกิจบางส่วนอีกครั้ง หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยังเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงมาก

ขณะที่เดลต้า แอร์ไลน์ อิงค์ เปิดเผยว่า ทางสายการบินประสบภาวะขาดทุนสุทธิ 5.7 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 เนื่องจากการเดินทางระหว่างประเทศได้หยุดชะงักลงจากการที่รัฐบาลต่างๆประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยรายได้ทรุดตัวลง 88% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าบริษัทจดทะเบียนโดยรวมของสหรัฐจะรายงานผลประกอบการร่วงลง 44% ในไตรมาส 2 ซึ่งจะเป็นการดิ่งลงมากที่สุดเมื่อเทียบรายไตรมาสนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 2551

ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ดีดตัวขึ้นในเดือนมิ.ย. โโยดีดตัวขึ้น 0.6% ในเดือนมิ.ย. หลังจากร่วงลงติดต่อกัน 3 เดือน เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมิ.ย. โดยได้รับแรงหนุนจากการที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หลังจากมีการปิดเศรษฐกิจก่อนหน้านี้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19