ดาวโจนส์เคลื่อนไหวลดลงใกล้ 200 จุด กังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด

.นักลงทุนขายหุ้นออกมาในหลายกลุ่ม กังวลเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด
.คนว่างงานครั้งแรกดีดขึ้นสู่ระดับ 412,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค.
.หุ้นธนาคารดีดตัวสวนตลาด รับอานิสงส์ดอกเบี้ยมีโอกาสปรับขึ้นเร็วกว่าคาด

เมื่อเวลา 22.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 33,833.73 จุด ลดลง 199.94 จุด หรือ -0.57% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 14,134.25 จุด เพิ่มขึ้น 94.57 จุด หรือ +0.67%ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,221.70 จุด ลดลง 2.00 จุด หรือ-0.05%

นักลงทุนกังวลอัตราผลตอบแทนการลงทุนที่ลดลง หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยวานนี้ ทำให้เทขายหุ้นออกมา ทั้งนี้ เฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566 ซึ่งเร็วกว่าคาดการณ์เดิมถึง 1 ปี และเฟดคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้งในปี 2566

ขณะที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด เปิดเผยว่า กรรมการเฟดได้เริ่มหารือกันเกี่ยวกับการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) นอกจากนี้ เฟดยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อในปีนี้สู่ระดับ 3.4% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ในเดือนมี.ค.ที่ระดับ 2.4%

ราคาหุ้นบริษัทดาว อิงค์และแคทเธอร์ พิลลาร์ดิ่งลงนำตลาด เช่นเดียวกับ หุ้นกลุ่ม Materials ที่ปรับตัวลงเช่นกัน เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะส่งผลกระทบให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ลดลงเป็นวันที่ 2 ราคาหุ้นในกลุ่ม Materials ยังถูกกดดันจากการที่จีนเตรียมระบายสต็อกโลหะ ซึ่งรวมถึงทองแดง อะลูมิเนียม และสังกะสี จากคลังสำรองแห่งชาติเพื่อสกัดราคาที่พุ่งขึ้นในประเทศ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี และข่าวนี้ส่งผลให้ราคาสัญญาทองแดงดิ่งลง 2% ในวันนี้

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลดลงจากความกังวลการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ตรงกันข้ามกับ หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น ขานรับความหวังที่ว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะช่วยหนุนตัวเลขกำไรในภาคธนาคาร

ตลาดแรงงานปรับตัวผันผวน โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 412,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 360,000 ราย และสูงกว่าสัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 375,000 ราย

ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐสาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกร่วงลงเป็นเดือนที่ 2 โดยปรับตัวลงสู่ระดับ 30.7 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 31.5 ในเดือนพ.ค. ลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีภาวะธุรกิจจะอยู่ที่ระดับ 31.0 ในเดือนมิ.ย.