ดาวโจนส์สุดคึกบวก 511 จุด นักลงทุนคลายกังวลส่งแรงช้อนซื้อทำกำไร

.ตลาดจับตาประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ที่จะเริ่มคืนนี้.

.นักลงทุนชอปหุ้นราคาถูก หลังมองเฟดน่าจะคงดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้

.ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนออกมาดีเป็นแรงหนุนให้นักลงทุนเริ่มเชื่อมั่นทิศทางเศรษฐกิจ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 30 ต.ค.ที่ 32,928.96 จุด เพิ่มขึ้น 511.37 จุด หรือ +1.58%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,166.82 จุด เพิ่มขึ้น 49.45 จุด หรือ +1.20% ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 12,789.48 จุด เพิ่มขึ้น 146.47 จุด หรือ +1.16%

นักลงทุนกลับมาช้อนซื้อหุ้นราคาถูก หลังตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้าเพื่อหวังทำกำไร โดยมุมมองบวกเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนและแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้

โอวิเวอร์ เพิร์ช นักวิเคราะห์จากบริษัท Wealthspire Advisors กล่าวว่า ตลาดได้รับปัจจัยบวกจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งเศรษฐกิจสหรัฐที่ยังคงอยู่ในทิศทางที่ดี และมีแนวโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 4 ปีนี้ไปจนถึงต้นปีหน้า โดยบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐได้รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 3/2566 ไปแล้ว 251 ราย โดย 78% ในจำนวนนี้มีผลประกอบการสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้

ทั้งนี้ หุ้นบริษัทเทคโนโลยีและการสื่อการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งที่สุด ซึ่งรวมถึงหุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 2.3% หุ้นแอมะซอน พุ่งขึ้น 3.9% หุ้นแอปเปิ้ล บวก 1.2% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ พุ่งขึ้น 2% และหุ้นเน็ตฟลิกซ์ ทะยานขึ้น 3%

หุ้นแมคโดนัลด์ พุ่งขึ้น 1.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3/2566 อยู่ที่ 3.19 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.00 ดอลลาร์ และรายได้อยู่ที่ 6.69 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 6.58 พันล้านดอลลาร์

หุ้นอินเทล ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐ ปรับตัวขึ้น 0.42% หลังบริษัทคาดการณ์ว่ารายได้ในไตรมาส 4/2566 จะอยู่ที่ 1.46-1.56 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.435 หมื่นล้านดอลลาร์

นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงบริษัทแอปเปิ้ล, แคทเธอร์พิลลาร์, ไฟเซอร์ และสตาร์บัคส์

ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ และการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 31 ต.ค. – 1 พ.ย. ขณะที่นักลงทุนให้น้ำหนักเกือบ 100% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมครั้งนี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูแถลงการณ์หลังการประชุมของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยในอนาคต