ดาวโจนส์ร่วงแรงกว่า 520 จุด กังวลดอกเบี้ยขึ้นแรงกระทบเศรษฐกิจ

  • นักลงทุนเทขายหุ้นทำกำไร และลดความเสี่ยง กังวลดอกเบี้ยขึ้นแรงทุบเศรษฐกิจ
  • นายพาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณเฟดอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนพ.ค.
  • ตลาดติดตามผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาสแรกที่ทยอยประกาศออกมา

เมื่อเวลาประมาณ 21.55 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 34,272.05 จุด ลดลง
520.71 จุด หรือ -1.50% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 13,067.41 จุด ลดลง 107.25 จุด หรือ -0.81% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ระดับ 4,336.31 จุด ลดลง 57.35 จุด หรือ -1.31%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นในตลาดสหรัฐฯดีดตัวเหนือพันธบัตรระยะยาว โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 5 ปีพุ่งทะลุ 3% ในวันนี้ หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนพ.ค.

ที่ผ่านมา ภาวะ inverted yield curve มักเกิดขึ้นจากการที่นักลงทุนพากันเทขายพันธบัตรระยะสั้น และเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาว ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจในระยะสั้น

โดยนักลงทุนวิตกว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะได้รับผลกระทบจากการที่เฟดยังคงเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ทำให้ขายหุ้นออกมาเพื่อลดความเสี่ยง และทำกำไรในหุ้นที่ดีดขึ้นในช่วงก่อนหน้า ทั้งนี้ ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมทั้งในเดือนพ.ค.และมิ.ย.

ตลาดติดตามการประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกของบริษัทจดทะเบียน โดยการประกาศผลประกอบการที่ผ่านมาบริษัทส่วนใหญ่มีผลประกอบการดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาด

สำหรับภาพรวมเศรษฐกิวันนี้ เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 55.1 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน จากระดับ 57.7 ในเดือนมี.ค.

อย่างไรก็ดี ดัชนี PMI ยังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคธุรกิจของสหรัฐยังคงมีการขยายตัว โดยได้แรงหนุนจากภาคการผลิตที่แข็งแกร่ง แม้ว่าภาคบริการชะลอตัวลง