ดาวโจนส์ร่วงแรงกว่า 460 จุด กังวลดอกเบี้ยขึ้น-ผลประกอบการบริษัทแย่กว่าคาด

.โฮม ดีโปท์-วอลมาร์ท สองยักษ์ค้าปลีกเผยผลประกอบการไม่น่าพอใจ

.นักลงทุนกังวลบาทแข็ง ดอกเบี้ยขึ้น เศรษฐกิจชะลอส่งผลให้เร่งขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยง

.ตลาดจับตาถ้อยแถลงเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หาทิศทางดอกเบี้ย

เมื่อเวลาประมาณ 22.25 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 33,359.65 จุดร่วงลงแรง 467.04 จุด หรือ -1.38% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 11,589.44 จุด ลดลง 197.83 จุด หรือ -1.68%
ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ระดับ 4,025.49 จุด ลดลง 53.60 จุด หรือ -1.31%

ผลประกอบการที่ซบเซาของบริษัทค้าปลีก กดดันดัชนีดาวโจนส์ให้ลดลงต่อเนื่อง ทั้งนี้ บริษัทโฮม ดีโปท์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เปิดเผยรายได้ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ เช่นเดียวกับบริษัทวอลมาร์ท ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกใหญ่ที่สุดในโลก ที่แม้เปิดเผยตัวเลขกำไรและรายได้ในไตรมาส 4/2565 สูงกว่าคาด แต่บริษัทเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ผลประกอบการประจำปี 2566 ที่ต่ำกว่าคาด

ตลาดยังถูกกดดันจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ และการดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนานกว่าคาดเพื่อสกัดเงินเฟ้อ โดยโกลด์แมน แซคส์ ออกรายงานคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% อีก 3 ครั้งในปีนี้ สู่ระดับสูงสุดที่ 5.25-5.50% หลังการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาด และตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง

รายงานดังกล่าวสอดคล้องกับ FedWatch Tool ของ CME Group ซึ่งบ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค., พ.ค. และมิ.ย. ครั้งละ 0.25% สู่ระดับสูงสุดที่ 5.25-5.50% และคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าว ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนธ.ค.

นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด รวมทั้งการเปิดเผยรายงานการประชุมเฟดประจำวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ.ในวันพรุ่งนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด