ดาวโจนส์ร่วงแรงกว่า 340 จุด กังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยช็อกเศรษฐกิจ

.นักลงทุนจับตาผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ของเฟดในวันที่ 22 ก.ย.นี้
.นักวิเคราะห์ชี้หากเฟด หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.75% ตลาดหุ้นร่วงระนาว
.นักลงทุนขายหุ้นลดความเสี่ยง จับตาเศรษฐกิจถดถอย

เมื่อเวลาประมาณ 22.25 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 30,676.65 จุด ลดลง
343.03 จุด หรือ -1.11% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 11,484.25 จุด ลดลง 50.77 จุด หรือ -0.44% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ระดับ 3,862.27 จุด ลดลง 37.62 จุด หรือ -0.96%

นักลงทุนจับตาการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 22 ก.ย.นี้ ทั้งนั้ สถาบันวิจัย CFRA ระบุว่า หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.75% ในการประชุมสัปดาห์นี้ ก็จะเป็นการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดเกินไป และจะฉุดให้ตลาดหุ้นสหรัฐทรุดตัวลงแรง

“เราคิดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1% จะสร้างความตื่นตระหนกต่อตลาด และเป็นการบ่งชี้ว่าเฟดมีปฏิกริยามากเกินไปต่อข้อมูลเศรษฐกิจ และลดโอกาสที่จะช่วยให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป” นายแซม สโตวอลล์ นักวิเคราะห์จาก CFRA ระบุในรายงาน

FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 82% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.00-3.25% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. และให้น้ำหนัก 18% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00%

ทั้งนี้ หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในเดือนก.ย. ก็จะส่งผลให้เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 หลังจากปรับขึ้น 0.75% ทั้งในเดือนมิ.ย.และก.ค. และหากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% ก็จะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 40 ปี

“เราคิดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1% จะสร้างความตื่นตระหนกต่อตลาด และเป็นการบ่งชี้ว่าเฟดมีปฏิกริยามากเกินไปต่อข้อมูลเศรษฐกิจ และลดโอกาสที่จะช่วยให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป” นายแซม สโตวอลล์ นักวิเคราะห์จาก CFRA ระบุในรายงาน

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ เกิดภาวะ inverted yield curve ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณเศรษฐกิจถดถอย
ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75-1.00% ในการประชุมนโยบายการเงินในสัปดาห์นี้
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อนโยบายการเงินของเฟด พุ่งขึ้นเหนือระดับ 3.9% แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2550 ในวันนี้ และอยู่สูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีและ 30 ปี

ผลการสำรวจของสำนักข่าว CNBC ระบุว่า นักวิเคราะห์ในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า เฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนแตะระดับสูงสุด และจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวต่อไประยะหนึ่ง โดยเฟดจะใช้มาตรการดอกเบี้ยแบบ “ขึ้นแล้วคง” (hike and hold) แทนที่จะใช้มาตรการ “ขึ้นแล้วลง” (hike and cut) ตามที่มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ ผลการสำรวจระบุว่า นักวิเคราะห์คาดว่าเฟดจะประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75%

หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ทรุดตัวลงนำตลาดวันนี้ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการดีดตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านพุ่งขึ้น 12.2% ในเดือนส.ค. สู่ระดับ 1.575 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.445 ล้านยูนิต จากระดับ 1.404 ล้านยูนิตในเดือนก.ค.

ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในเดือนส.ค. แม้ได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของราคาวัสดุก่อสร้าง และการดีดตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง อย่างไรก็ดี การอนุญาตก่อสร้างบ้านลดลง 10.0% สู่ระดับ 1.517 ล้านยูนิตในเดือนส.ค.