ดาวโจนส์พุ่งไม่หยุด ปิดเพิ่ม 454 จุด วัคซีนคืบ-การเมืองสงบดันเศรษฐกิจฟื้น

  • ดาวโจนส์ทำลายสถิติใหม่ปิดพุ่งทะลุ 30,000 จุดเป็นครั้งแรก
  • นักลงทุนได้ปัจจัยบวกจากการเริ่มถ่ายโอนอำนาจประธานาธิบดี
  • ตลาดอุ่นใจวัคซีนยังคืบหน้าต่อเนื่อง-ลุ้นเยลเลนนั่งคลัง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 24พ.ย.พุ่งขึ้นทะลุแนว 30,000 จุดเป็นครั้งแรกโดยปิดที่ 30,046.24 จุด เพิ่มขึ้น 454.97 จุด หรือ +1.54% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,635.41 จุดเพิ่มขึ้น 57.82 จุด หรือ +1.62% ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 12,036.79 จุด เพิ่มขึ้น 156.16 จุด หรือ +1.31%

ดัชนีดาวโจนส์ทำสถิติปิดที่เหนือระดับ 30,000 จุดครั้งแรกเป็นประวัติการณ์ หลังจากคงามขัดแย้งทางการเมืองเริ่มสงบลง โดยประธานาธิบดีทรัมป์ได้มอบหมายให้นางเอมิลี เมอร์ฟีย์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานบริการทั่วไปของสหรัฐ (General Services Administration – GSA) เริ่มกระบวนการถ่ายโอนอำนาจให้แก่คณะบริหารของนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐแล้ว ซึ่งทำให้นายไบเดนสามารถเข้าถึงทรัพยากรต่างๆที่จำเป็นในการถ่ายโอนอำนาจ เพื่อเปิดทางให้เขาสามารถเข้าทำหน้าที่ในทำเนียบขาวได้อย่างราบรื่น

นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นต่อเนื่องเป็นวันที่2โดยคาดหมายว่า การเดินหน้าออกมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจจะมีความชัดเจนมากขึ้นหลังจากนี้ นอกจากนั้น ความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19ของหลายๆบริษัท ทำให้ตลาดมคความหวังที่จะกลับมาดำเนินชีวิตและทำธุรกิจแบบปกติในเวลาอันใกล้นี้

นักวิเคราะห์จากบริษัทไอรอนไซด์ส แมคโครอิโคโนมิกส์ ในรัฐนิวยอร์ก กล่าวว่า ข่าวนายไบเดนมีแผนที่จะเลือกนางเยลเลนเป็นรัฐมนตรีคลังสหรัฐ เป็นอีกปัจจัยบวกของตลาดที่ช่วยดันดัชนี เนื่องจากอดีตประธานเฟดผู้นี้มีความมุ่งมั่นในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ มากกว่าที่จะมุ่งเน้นเรื่องการเมืองซึ่งเป็นประเด็นที่นักลงทุนกังวล นอกจากนี้ นางเยลเลนยังมีความน่าเชื่อถือในการบังคับใช้มาตรการที่แข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงการจัดทดสอบภาวะวิกฤต (stress test) ของธนาคารพาณิชย์

ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นใรทุกกลุ่ม นำโดยหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม และกลุ่มธนาคาร โดยหุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) พุ่งขึ้น 3.77% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ พุ่งขึ้น 2.35% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ เพิ่มขึ้น 1.24% ส่วนหุ้นในกลุ่มธนาคารนั้น หุ้นซิตี้กรุ๊ป ทะยานขึ้น 7.03% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 5.5% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส พุ่งขึ้น 4.6% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 3.74%

หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นกว่า 4% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ทะยานขึ้น 6.6% หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 5% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ พุ่งขึ้น 3.9% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 3.4%

หุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 3.3% หลังจากสำนักงานความปลอดภัยด้านการบินยุโรป (EASA) อนุมัติให้บริษัทโบอิ้งนำเครื่องบินรุ่น 737 MAX ขึ้นบินในยุโรปในเดือนม.ค.นี้ ซึ่งสอดคล้องกับที่สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ (FAA) ได้อนุมัติให้เครื่องบินโบอิ้งรุ่น 737 MAX ขึ้นบินอีกครั้ง

หุ้นเทสลา ทะยานขึ้น 6.43% ส่งผลให้มูลค่าตลาดของเทสลาสูงกว่า 5 แสนล้านดอลลาร์แล้วในขณะนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับข่าวหุ้นของบริษัทเทสลาที่ได้รับการคำนวณในดัชนี S&P 500 ตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค.นี้

อย่างไรก็ตาม หุ้นเบสต์บาย ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกสินค้าอิเลคทรอนิคส์รายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 6.96% แม้บริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 3 ที่ระดับ 2.06 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 1.70 ดอลลาร์/หุ้น

ขณะที่ผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 7% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2557 หลังจากเพิ่มขึ้น 5.8% ในเดือนส.ค.