ดาวโจนส์ปิดลบ 220 จุด เฟดยังไม่ยุติส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย

  • ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อ
  • นักลงทุนขายหุ้นทำกำไร ลดความเสี่ยงหลังคาดดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูงนาน
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่ง-ข้อมูลตลาดแรงงานแข็งแกร่ง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 9 พ.ย.ที่ 33,891.94 จุด ลดลง 220.33 จุด หรือ -0.65%, ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,347.35 จุด ลดลง 35.43 จุด หรือ -0.81% ส่วนดัชนี แนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 13,521.45 จุดลดลง 128.97 จุด หรือ -0.94%

นักลงทุนขายหุ้นออกลดความเสี่ยง ผิดหวังนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลงแรง หลังจากนายพาวเวลกล่าวในงานเสวนาซึ่งจัดโดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) ว่า “เจ้าหน้าที่เฟดยังไม่มั่นใจว่าอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูงมากพอที่จะควบคุมเงินเฟ้อได้หรือไม่ และแม้ว่าเฟดไม่ต้องการให้นโยบายการเงินมีความเข้มงวดมากเกินไป แต่เราตระหนักว่าความผิดพลาดที่ใหญ่หลวงที่สุดคือความล้มเหลวในการควบคุมเงินเฟ้อ โดยขณะนี้เฟดกำลังประเมินว่าเราควรจะดำเนินการมากขึ้นอีกหรือไม่ และจากนั้นเราจะประเมินว่าควรตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานเท่าใด”

ในเวลาเดียวกัน ตลาดแรงงานยังเผยข้อมูลแข็งแกร่ง โดย กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 3,000 ราย สู่ระดับ 217,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 218,000 ราย

ปีเตอร์ คาร์ดิลโล นักวิเคราะห์จากบริษัท Spartan Capital Securities กล่าวว่า “การแสดงความเห็นของพาวเวลเป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เขากำลังสื่อสารกับตลาดว่าภารกิจการต่อสู้กับเงินเฟ้อยังไม่จบ และหากมีข้อมูลบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ เฟดก็ไม่ลังเลที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก”

อย่างไรก็ตาม  FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในปีนี้แม้ได้รับรู้ถ้อยแถลงของนายพาวเวล แต่นักลงทุนมองว่าการเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าอาจจะถูกเลื่อนออกไป

ตลาดยังถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ที่พุ่งขึ้นแตะระดับ 4.636% หลังจากผลการประมูลพันธบัตรอายุ 30 ปี วงเงิน 2.4 หมื่นล้านดอลลาร์ออกมาน่าผิดหวัง โดยอุปสงค์พันธบัตรมีมากกว่าปริมาณพันธบัตรที่นำออกประมูลเพียง 2.24 เท่า

มีแรงเทขายออดมา ส่งผลให้หุ้นทุกกลุ่มปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์และกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยซึ่งต่างก็ร่วงลง 2%

อย่างไรก็ตาม หุ้นวอลท์ ดิสนีย์ พุ่งขึ้น 6.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2566 อยู่ที่ 82 เซนต์สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 70 เซนต์ และจำนวนสมาชิกที่ใช้บริการสตรีมมิงดิสนีย์พลัส (Disney+) ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 7 ล้านราย สู่ระดับ 150.2 ล้านราย สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 148.15 ล้านราย