ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 550 จุด คาดผลประกอบบริษัทในตลาดออกมาดีกว่าคาด

NEW YORK CITY - September 3: Charging Bull sculpture with people on September 3, 2015 in New York City. The sculpture is both a popular tourist destination, as well as "one of the most iconic images of New York".
  • ผลประกอบการแบงก์ ออฟ อเมริกาดี หนุนหุ้นกลุ่มแบงก์ดีดขึ้น
  • อังกฤษกลับลำมาตรการภาษี หนุนความมั่นใจตลาดหุ้นทั่วโลก
  • ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index)ต.ค.ติดลบ -9.1 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 17 ต.ค.ที่ 30,185.82 จุด พุ่งขึ้น 550.99 จุด หรือ +1.86%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,677.95 จุด เพิ่มขึ้น 94.88 จุด หรือ +2.65% ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 10,675.80 จุด พุ่งขึ้น 354.41 จุด หรือ +3.43%

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ พุ่งขึ้นหลังจากแบงก์ ออฟ อเมริกาเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด ซึ่งช่วยให้นักลงทุนมีมุมมองบวกเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลอังกฤษตัดสินใจยกเลิกมาตรการปรับลดภาษีที่มีการประกาศก่อนหน้านี้

นายเจเรมี ฮันท์ รัฐมนตรีคลังคนใหม่ของอังกฤษออกแถลงการณ์ว่า รัฐบาลอังกฤษได้ตัดสินใจยกเลิกมาตรการปรับลดภาษีเกือบทั้งหมดที่มีการประกาศก่อนหน้านี้ หลังจากมาตรการดังกล่าวได้สร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดการเงินในช่วงที่ผ่านมา

แบงก์ ออฟ อเมริกา ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสหรัฐเมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ โดยธนาคารมีกำไรและรายได้ในไตรมาส 3 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยได้ปัจจัยหนุนจากการซื้อขายตราสารหนี้ และรายได้จากดอกเบี้ย

ทั้งนี้ แบงก์ ออฟ อเมริกาเปิดเผยว่า ธนาคารมีกำไรลดลง 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สู่ระดับ 7.1 พันล้านดอลลาร์ หรือ 81 เซนต์/หุ้น เนื่องจากธนาคารต้องทำการกันสำรองหนี้สูญวงเงิน 898 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ดี ตัวเลขกำไรของธนาคารยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 77 เซนต์/หุ้น

นอกจากนี้ ธนาคารมีรายได้ 2.461 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.357 หมื่นล้านดอลลาร์

ผลประกอบการที่แข็งแกร่งเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 5.99% และช่วยหนุนหุ้นธนาคารรายอื่น ๆ ดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นเจพีมอร์แกน พุ่งขึ้น 3.88% หุ้นซิตี้กรุ๊ป บวก 0.74% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 2.44%

นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงโกลด์แมน แซคส์, เน็ตฟลิกซ์, เทสลา, ไอบีเอ็ม, ยูไนเต็ด แอร์ไลน์, พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน

หุ้นเติบโต (Growth Stock) ซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย เช่นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย ปรับตัวขึ้นหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงลงเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นแอมะซอน พุ่งขึ้น 6.45% หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 3.92% หุ้นเมตา แพลทฟอร์มส์ ทะยานขึ้น 5.74% หุ้นราล์ฟ ลอเรน พุ่งขึ้น 2.64% หุ้นไนกี้ พุ่งขึ้น 2.76%

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กรายงานว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index)ร่วงลงสู่ระดับ -9.1 ในเดือนต.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ -5.0 จากระดับ -1.5 ในเดือนก.ย. โดยดัชนียังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 0 ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะหดตัวของภาคการผลิตในนิวยอร์ก และเป็นการหดตัวติดต่อกันเดือนที่ 3