![1605799843778](https://mls8fhlsbb8r.i.optimole.com/cb:zWWv.13fd/w:auto/h:auto/q:mauto/ig:avif/https://thejournalistclub.com/wp-content/uploads/2020/11/1605799843778.png)
.นักลงทุนเทขายหุ้นลดความเสี่ยง หวั่นต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกรอบ
.ตลาดวิตกผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ทะลุ1.9แสนรายต่อวัน
.มนูซินระบุจะไม่ต่ออายุโครงการเงินกู้ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ช่วยโควิด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 20พ.ย.ที่ 29,263.48 จุด ลดลง 219.75 จุด หรือ -0.75%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,557.54 จุด ลดลง 24.33 จุด หรือ -0.68% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 11,854.97 จุด ลดลง 49.74 จุด หรือ -0.42%
นักลงทุนเทขายหุ้นออกมาจากความวิตกเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื่อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการกำหนดมาตรการล็อกดาวน์ในรัฐต่างๆ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด แม้นายโจ ไบเดนยืนยันจะไม่มีการปิดเศรษฐกิจก็ตาม
โดยในขณะนี้สหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต โดยมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 12 ล้านราย และเสียชีวิตมากกว่า 258,000 ราย
สื่อรายงานว่า อัตราเฉลี่ยของผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันในสหรัฐอยู่ที่ 165,029 รายในช่วง 7 วันที่ผ่านมา โดยเพิ่มขึ้น 24% จากสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่เมื่อวานนี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ม่กกว่า 190,000 ราย
รัฐแคลิฟอร์เนียประกาศมาตรการเคอร์ฟิวเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะที่นิวยอร์กประกาศปิดโรงเรียนรัฐบาลทุกแห่ง หลังจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ยืนยันว่าจะไม่ต่ออายุโครงการเงินกู้ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
นายมนูชินกล่าวว่า โครงการเงินกู้ของเฟดเพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 วงเงิน 4.55 แสนล้านดอลลาร์ จะหมดอายุในวันที่ 31 ธ.ค. และจะไม่มีการต่ออายุโครงการดังกล่าว
โดยนายมนูซิน ระบุว่า การไม่ต่ออายุดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง
มีแรงเทขายหุ้นแทบทุกลุ่ม ยกเว้นกลุ่มสาธารณูปโภค โดยกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวลงมากที่สุด อย่างไรก็ตาม หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการล็อกดาวน์และการที่ประชาชนต้องอยู่แต่ภายในบ้าน ปรับตัวขึ้นตามกัน อาทิ หุ้นซูม พุ่ง 6.11% และหุ้นเน็ตฟลิกซ์ บวก 0.74%
หุ้นกิลเลียด ไซแอนเซส ลบ 0.9% หลังองค์การอนามัยโลก (WHO) ไม่แนะนำให้แพทย์ใช้ยา remdesivir ของกิลเลียดในการรักษาโรคโควิด-19 โดยระบุว่าขาดหลักฐานที่บ่งชี้ว่า ยาดังกล่าวสามารถเพิ่มอัตราการรอดชีวิตหรือลดความจำเป็นในการใช้เครื่องช่วยหายใจกับผู้ป่วยโควิด
ขณะที่หุ้นไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยาใหญ่ที่สุดของสหรัฐ พุ่งขึ้น 1.3% หลังแถลงว่า ทางบริษัทเตรียมยื่นเรื่องต่อสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ในวันศุกร์ เพื่อขออนุมัติการใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของทางบริษัทเป็นกรณีฉุกเฉิน