ดาวโจนส์ปิดตลาดบวกเล็กน้อย 18 จุด รอปัจจัยบวกใหม่ดันดัชนี

  • ตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาแข็งแกร่ง ประคองดัชนีให้อยู่ในแดนบวก
  • นักลงทุนคลายกังวล คาดเฟดไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ยจนเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย
  • หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ พุ่งแรง ช่วยหนุนหุ้นเทคโนโลยีดีดขึ้นคึกคัก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที 18ส.ค.ที่ 33,999.04 จุด เพิ่มขึ้น 18.72 จุด หรือ +0.06%, ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,283.74 จุด เพิ่มขึ้น 9.70 จุด หรือ +0.23% ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 12,965.34 จุดเพิ่มขึ้น 27.22 จุด หรือ +0.21%

ตลาดหุ้นสหรัฐฯยังอยู่ในภาวะทรงๆ ซื้อขายตามปัจจัยที่เข้ามากนะทบ แต่ดัชนียังอยู่ในแดนบวก รับตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดี รวมทั้งนักลงทุนยังซื้อขายตามผลประกอบการบริษัทไตรมาส2ที่ทยอยประกาศออกมา 

ทั้งนี้ ตลาดแรงงานยังแข็งแกร่ง โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง2,000 ราย สู่ระดับ 250,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 265,000 ราย

เช่นเดียวกับดัชนีภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก พุ่งขึ้นสู่ระดับ +6.2 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ -5.0 จากระดับ -12.3 ในเดือนก.ค. โดยดัชนีอยู่เหนือระดับ 0 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกมีการขยายตัว ซึ่งธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ฟิลาเดเฟียรายงาน

หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ซึ่งเป็น 1 ใน 30 หลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนีดาวโจนส์ ทะยานขึ้น 5.81% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 4 ของปีงบการเงิน 2565 อยู่ที่ 1.31 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.279 หมื่นล้านดอลลาร์

ส่วนรายได้ในปีงบการเงิน 2565 ของซิสโก ซิสเต็มส์เพิ่มขึ้น 3.4% นอกจากนี้ บริษัทคาดว่ารายได้ในปีงบการเงิน2566 จะเพิ่มขึ้นราว 4% – 6% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.3%

ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของซิสโก ซิสเต็มส์ช่วยหนุนหุ้นบริษัทอื่น ๆ ในกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (เอเอ็มดี) พุ่งขึ้น 2.21% หุ้นอัลฟาเบท บวก 0.52% หุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 1.17% หุ้นไอบีเอ็มเพิ่มขึ้น 0.93%

หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น หลังจากราคาน้ำมัน WTI ดีดขึ้นเหนือระดับ 90 ดอลลาร์ได้อีกครั้งเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเชฟรอนพุ่งขึ้น 1.75% หุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 2.41% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ พุ่งขึ้น 3.47% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ทะยานขึ้น5.78%

อย่างไรก็ตาม หุ้นโคห์ลส์ คอร์ป ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 7.72% หลังบริษัทปรับลดคาดการณ์ยอดขายและกำไรในปีงบการเงิน 2565 โดยระบุว่า ลูกค้ากลุ่มรายได้ปานกลางได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อ ส่งผลให้ยอดขายลดลงในหมวดเสื้อผ้าและรองเท้า นอกจากนี้ โคห์ลส์ระบุว่าผู้บริโภคได้ลดการเข้าซื้อสินค้าตามห้างและลดวงเงินในการใช้จ่าย โดยหันไปซื้อสินค้าราคาถูก

ทั้งนี้ โคห์ลส์คาดว่ายอดขายสุทธิในปีงบการเงิน 2565 จะลดลง 5-6% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว จากเดิมคาดว่าจะทรงตัวหรือเพิ่มขึ้น 1% และคาดว่ากำไรต่อหุ้นจะอยู่ที่ระดับ 2.80-3.20 ดอลลาร์ ลดลงจากเดิมคาดว่าอยู่ที่ระดับ6.45-6.85 ดอลลาร์

ทั้งนี้ หลังการออกรายงานการประชุมประจำวันที่ 26-27 ก.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งระบุว่า กรรมการเฟดมีความมุ่งมั่นที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงเท่าที่จำเป็น แต่อาจชะลอการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยตระหนักว่าเศรษฐกิจสหรัฐในขณะนี้มีความเสี่ยงที่จะเผชิญช่วงขาลง

นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในเดือนก.ย. นี้