ดาวโจนส์บวกมากกว่า 100 จุด จ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มมากกว่าคาด

  • อัตราการว่างงานเดือนมิ.ย. ลดลงสู่ระดับ 11.1% ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2
  • นักลงทุนซื้อหุ้นหลังมั่นใจคลายล็อกดาวน์ เศรษฐกิจฟื้นตัว
  • ISM ชี้ตัวเลขกิจกรรมภาคธุรกิจในนิวยอร์กปรับตัวขึ้นเดือนมิ.ย.

เมื่อเวลา 22.10 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ 25,884.17 จุด 149.20 จุดหรือ +0.58%ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 10,229.66 จุด เพิ่มขึ้น 75.03 จุด หรือ +0.74% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 3,134.79 จุด บวก 18.93 จุด หรือ +0.61%

ตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ที่ออกมาดีขึ้นอย่างชัดเจน หลังจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งทำให้ภาคธุรกิจกลับมาเปิดกิจการ หลังจากรัฐบาลสั่งปิดเศรษฐกิจเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้นักลงทุนกลับมาซื้อหุ้นคึกคัก

เริ่มจากตัวเลขการจ้างงานที่ออกมาดีเกินกว่าที่คาด กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันนี้ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 4.8 ล้านตำแหน่งในเดือนมิ.ย. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 3 ล้านตำแหน่ง

ขณะที่อัตราการว่างงานเดือนมิ.ย. ลดลงสู่ระดับ 11.1% จากระดับ 13.3% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการลดลงเดือนที่สองติดต่อกัน ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าอัตราว่างงานจะอยู่ที่ 12.3%

ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐปรับตัวขึ้น 8% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบสามเดือน แต่ยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 8.9% หลังจากร่วงลง 13.5% ในเดือนเม.ย. และลดลง 11% ในเดือนมี.ค.

ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าทุนพื้นฐาน ที่ไม่รวมหมวดอาวุธและเครื่องบิน เพิ่มขึ้น 1.6% ในเดือนพ.ค. โดยยอดสั่งซื้อดังกล่าวถือเป็นมาตรวัดความเชื่อมั่น และแผนการใช้จ่ายในภาคธุรกิจ

นอกจากนั้น ในส่วนของนิวยอร์ก ซึ่งมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 รุนแรงในช่วงที่ผ่านมา สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า กิจกรรมภาคธุรกิจในนครนิวยอร์กปรับตัวขึ้นในเดือนมิ.ย. โดยได้แรงหนุนจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ โดยดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กปรับตัวสู่ระดับ 39.5 ในเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 20 จุดจากระดับ 19.5 ในเดือนพ.ค. โดยดัชนีค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นจากระดับ 4.3 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และแม้ดัชนียังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะหดตัวของภาวะธุรกิจในนิวยอร์ก แต่ก็เป็นการหดตัวในอัตราที่ช้าลง สะท้อนว่ากิจกรรมทางธุรกิจของนิวยอร์กกำลังกระเตื้องขึ้น

อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยสหรัฐขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น โดบตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐขยายตัวเพิ่มขึ้น 9.7% ในเดือนพ.ค. สู่ระดับ 5.46 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2561 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 5.31 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังการส่งออกร่วงลง 4.4%

เอ็กซอน โมบิล คอร์ป บริษัทน้ำมันรายใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาสสองของบริษัทจะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการร่วงลงของราคาน้ำมันและก๊าซ เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลให้ความต้องการพลังงานทรุดลงอย่างมาก โดยราคาน้ำมันร่วงลง 35% นับตั้งแต่เดือนม.ค.ที่ผ่านมา