ดาวโจนส์ทรงตัวแต่ยังอยู่ในแดนบวกจับตาผลประกอบการ-การเมือง


. นักลงทุนติดตามการเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 4/2563 ที่จะทยอยประกาศออกมา
.นักวิเคราะห์คาด ผลประกอบการบริษัทไตรมาส 4 อาจจะไม่ดีแต่ ต้นปีพุ่ง
. ตลาดยังคงจับตาความวุ่นวายทางการเมืองในสหรัฐ-มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

เมื่อเวลา 22.10 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 31,013.44 จุด เพิ่มขึ้น 4.75 จุดหรือ +0.02% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 13,068.01 จุด เพิ่มขึ้น 31.58 จุด หรือ +0.24% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 3,802.77 จุด เพิ่มขึ้น 3.16 จุด หรือ +0.08%

นักลงทุนติดตามการเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 4/2563 ของบริษัทจดทะเบียน โดยเจพีมอร์แกน ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โก จะเปิดเผยผลประกอบการในวันศุกร์นี้ Ffpนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า บริษัทในดัชนี S&P 500 จะมีผลประกอบการลดลง 9.8% ในไตรมาส 4/2563 แต่จะพุ่งขึ้น 16.4% ในไตรมาส 1/2564

ทั้งนี้ ตลาดยังคงจับตาความวุ่นวายทางการเมืองในสหรัฐ รวมถึงการที่สมาชิกพรรคเดโมแครตได้ยื่นญัตติถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกจากตำแหน่งนั้น อาจส่งผลให้การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่เกิดความล่าช้า ทั้งนี้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรคเดโมแครตจำนวน 3 รายได้ยื่นญัตติถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์ออกจากตำแหน่ง โดยระบุว่า ปธน.ทรัมป์ได้กล่าวเท็จเกี่ยวกับการที่เขาพ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีเพราะมีการโกงเลือกตั้ง และได้ปลุกระดมมวลชนให้บุกเข้าไปยังสภาคองเกรสในวันพุธที่ผ่านมา เพื่อขัดขวางกระบวนการประกาศรับรองชัยชนะของนายโจ ไบเดนในการเลือกตั้งประธานาธิบดี

ขณะที่นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ยังได้เรียกร้องให้นายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดี ใช้บทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่ 25 เพื่อปลดประธานาธิบดีทรัมป์ออกจากตำแหน่ง

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐจากสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ในวันนี้ และสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันพรุ่งนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 2.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 5 โดยคาดว่าภาวะเศรษฐกิจจะดีขึ้นหลังการสาบานตนของนายโจ ไบเดน