ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.ต่ำสุดในรอบ67เดือน

  • สารพัดปัจจัยรุมหนัก-มาตรการกระตุ้นรัฐช่วยไม่ได้
  • แต่ความเชื่อมั่นเศรษฐกิจหนักกว่าต่ำสุดรอบ20ปี
  • ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังกังวลและเห็นว่าเศรษฐกิจยังแย่

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย. 62 อยู่ที่ระดับ 69.1 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 และอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 67 เดือน นับตั้งแต่ปี 59  แม้ว่ารัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมามากขึ้น แต่ผู้บริโภคและภาคเอกชนได้กังวลเสถียรภาพทางการเมืองอย่างมาก  รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังฟื้นตัวช้า, การแข็งค่าของเงินบาท, ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ และกำลังซื้อของประชาชนยังไม่ฟื้นตัวขึ้นนัก

ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจในปัจจุบันอยู่ในระดับ 39.7 ซึ่งปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกันและเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 241 เดือน หรือ 20 ปี 1 เดือนนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 42 เนื่องจากผู้บริโภคเห็นว่าเศรษฐกิจอยู่ในภาวะที่แย่ 63.1% รองลงมาระบุว่าอยู่ในภาวะปานกลาง 34.1% และระบุว่าอยู่ในระดับที่ดี 2.8%  ขณะที่ความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจในอนาคต 6 เดือนข้างหน้าอยู่ระดับ  73.2 ต่ำสุดในรอบ 66 เดือนนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 57 อย่างไรก็ตาม เรื่องปัญหาทางการเมืองกลับได้รับความสนใจจากผู้บริโภคและเอกชนอีกครั้งว่าจะเกิดปัญหาการเปลี่ยนแปลงขั้วทางเมืองหรือไม่ รวมถึงกังวลว่าอาจมีการยุบสภา และมีเหตุการณ์เดินขบวนประท้วงเหมือนในอดีตหรือไม่

“แม้จะมีปัจจัยลบจำนวนมากแต่ในเดือนพ.ย. ก็ยังมีปัจจัยบวกที่จะผลักดันเศรษฐกิจและความเชื่อมั่น เช่น การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% หรือจาก 1.5% เหลือ 1.25%, ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในประวัติศาสตร์, มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเริ่มเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจไทยมากขึ้น โดยเฉพาะ ชิมช้อปใช้ เฟส1 และเฟส 2 ที่ได้รับการตอบสนองอย่างมากจากภาคประชาชนจนทำให้เกิดการหมุนเวียนของการใช้จ่าย, เงินบาทเริ่มปรับตัวอ่อนลงเล็งน้อย เป็นต้น”

นายธนวรรธน์  กล่าวว่า ในปี 63 ศูนย์คาดการณ์เศรษฐกิจไทยขยายตัว 3.1%  โดยมีภาคส่งออกที่จะขยายตัว  1.8% รวมถึงงบประมาณรายจ่ายน่าจะเริ่มใช้จ่ายเดือน ก.พ.63 , มาตรการของญี่ปุ่นอัดฉีดเศรษฐกิจวงเงิน 3.1 ล้านล้านเยน และหลายๆประเทศเริ่มใช้นโยบายการคลังเพิ่มเติม ซึ่งมั่นใจว่าประเทศไทยก็ใช้นโยบายการเงินเข้ามาเสริมเช่นกัน ส่วนผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐ-จีนนั้นยังมองว่า ไม่มีข่าวเชิงลบในเรื่องสงครามการค้า โดยฝ่ายจีนระบุว่าอยากให้สหรัฐลดภาษีนำเข้า ขณะที่สหรัฐอยากให้จีนเปิดตลาดสินค้าเกษตร ดังนั้น วันที่ 15 ธ.ค. นี้  เชื่อว่าสหรัฐไม่น่าจะมีการขึ้นภาษีนำเข้าอีกระลอก